นานาชาติยังคงจับตาสถานการณ์ในยูเครนและยุโรปตะวันออกอย่างใกล้ชิด หลังสองมหาอำนาจสหรัฐฯ-รัสเซีย เริ่มปฏิบัติการเคลื่อนกำลังพลในภูมิภาคกันต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 3 ก.พ. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้ตัดสินใจส่งหน่วยพลร่มที่ 82 จำนวน 1,700 นาย เข้าไปในประเทศโปแลนด์ทางตะวันตกของยูเครน ทั้งโยกย้ายหน่วยรบยานเกราะเคลื่อนที่เร็ว พร้อมกำลังพลราว 1,000 นาย จากเยอรมนีไปยังโรมาเนียที่อยู่ติดกับพรมแดนตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องปรามและตอบสนองต่อกรณีกองทัพรัสเซีย วางกำลังพลกว่า 125,000 นาย ในพื้นที่ใกล้พรมแดนยูเครน
ด้านนายอเล็กซานเดอร์ กรุชโก รมช.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวโจมตีว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ มีแต่จะทำให้สถานการณ์ทางทหารตึงเครียดยิ่งขึ้น และลดช่องทางการตัดสินใจทางการเมือง ทั้งเป็นการเอื้อต่อรัฐบาลยูเครน ที่ได้พยายามทำลายข้อตกลงมินสค์ เมื่อปี 2557-2558 ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ ยอมรับการเจรจาทางการเมือง เพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งในยูเครนตะวันออก
ขณะที่นายเรย์เซป ทายยิบ เออร์โดกัน ประธานา ธิบดีตุรกี ได้บินไปยังกรุงเคียฟของยูเครน เพื่อเสนอตัวเป็นตัวกลางในการเจรจาคลี่คลายความตึงเครียด ซึ่งนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงของรัฐบาล สหรัฐฯ เผยว่า ก่อนหน้านี้ 1 วัน ทีมงานได้หารือกับที่ปรึกษาของนายเออร์โดกัน และพบว่ามีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะป้องปรามไม่ให้รัสเซียทำการคุกคามต่อยูเครน เช่นเดียวกับ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานา ธิบดีฝรั่งเศส ได้โทรศัพท์หารือกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งเป็นการสนทนากันครั้งที่ 3 ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ และนายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ระบุจะเข้าหารือกับนายปูตินที่กรุงมอสโก รัสเซีย ในเร็วๆนี้
...
ต่อมาสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างการเปิดเผยของนายเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ว่า กองทัพรัสเซียได้เคลื่อนกำลังพลเพิ่มเติมเข้าไปในประเทศเบลารุส ทางตอนเหนือของยูเครน เป็นจำนวนราว 30,000 นาย ในจำนวนนี้รวมถึงหน่วยรบพิเศษสเปซนาซ ระบบต่อต้านอากาศยานเอส-400 ขีปนาวุธจู่โจมพิสัยใกล้อิสคานเดอร์ และฝูงบินรบอเนกประสงค์ซู-35 ถือเป็นการเคลื่อนกำลังครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น ขณะที่สื่อรัสเซียระบุด้วยว่า นายเซอร์เก โชยกู รมว.กลาโหมรัสเซีย ได้เดินทางถึงเบลารุส เพื่อเตรียมสังเกตการณ์ซ้อมรบใหญ่กับเบลารุส ตามกำหนดการเดือน ก.พ.นี้.