- หน่วยงานสาธารณสุขของสวีเดนมีมติไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปี สวนทางกับหลายชาติในยุโรป โดยยกเว้นเฉพาะเด็กกลุ่มเสี่ยงสูงเท่านั้น
- สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่ใช้นโยบายที่แตกต่างในการรับมือกับโควิดมาตลอด โดยไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ และไม่สั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่ช่วงต้นของการระบาด
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงในหลายๆ ประเทศ ได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5 - 11 ขวบ เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว เช่นเดียวกับไทยที่เพิ่งมีการอนุมัติให้ใช้วัคซีนกับเด็กเล็กไม่นานมานี้
ที่ผ่านมาสวีเดนมักจะใช้มาตรการรับมือกับโควิด-19 ที่สวนทางกับประเทศในแถบสแกนดิเนเวียด้วยกัน และล่าสุดก็เป็นอีกครั้งที่สวีเดนเห็นต่างในเรื่องการฉีดวัคซีน โดยหน่วยงานสาธารณสุขของสวีเดน ประกาศจุดยืนไม่แนะนำให้กลุ่มเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี รับวัคซีนต้านโควิด-19 เนื่องจากมองว่าประโยชน์ที่จะได้รับยังไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง แต่จะยกเว้นให้เฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวและมีความเสี่ยงสูงเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนไปทั้งหมดแล้ว โดยก่อนหน้านี้ สวีเดนก็เคยปฏิเสธการล็อกดาวน์ปิดเมือง และไม่มีการสั่งปิดโรงเรียนในช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ
บริตตา บยอร์คลุนด์ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขสวีเดน ระบุว่า แม้วัคซีนเหล่านี้มีความปลอดภัย และเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม แต่ก็ต้องพิจารณาว่า มันจะมีข้อดีในทางการแพทย์สำหรับเด็กหรือไม่ โดยหน่วยงานสาธารณสุขของสวีเดนยังไม่เห็นผลดีถึงขั้นที่ควรแนะนำให้เด็กทุกคนในช่วงวัยนี้ โดยเฉพาะถ้าเป็นการฉีดวัคซีนเพื่อประโยชน์ภาพรวมของคนในสังคม มากกว่าประโยชน์ของตัวเด็กๆ เอง อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่า อาจจะมีการพิจารณาทบทวนอีกครั้งหากสถานการณ์ของการระบาดมีการเปลี่ยนแปลง
...
แม้สวีเดนจะไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่ก็เพิ่งมีการขยายมาตรการคุมเข้ม อย่างคำสั่งงดเยี่ยมบ้านพักคนชรา และจำกัดจำนวนผู้คนที่จะเข้าร่วมงานที่มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก รวมทั้งสั่งจำกัดเวลาเปิดทำการของบาร์และร้านอาหารเมื่อเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะคงมาตรการไว้จนถึง 9 กุมภาพันธ์นี้
ในเวลานี้สวีเดนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนพุ่งสูงทำลายสถิติ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยเคยมีผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยทำสถิติสูงสุดกว่า 40,000 ราย จากประชากรทั้งประเทศ 10.3 ล้านคนเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสม มีมากกว่า 15,700 ศพ ซึ่งแม้จะถือว่าอยู่ในระดับเฉลี่ยของกลุ่มประเทศในยุโรป แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านอย่าง นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์แล้ว นับว่าสวีเดนมียอดคนตายสูงกว่าเพื่อนบ้านมาก
สวีเดนมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมประมาณ 15,700 ศพ ซึ่งพอๆ กับค่าเฉลี่ยของยุโรป แต่ยังถือว่าสูงกว่าประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียอื่นๆ อย่าง นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก ส่วนจำนวนคนไข้โควิดที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในไอซียูอยู่ที่หลักร้อยต้นๆ ซึ่งยังต่ำกว่าช่วงของการระบาดเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2021 ที่มีคนไข้โควิดในไอซียูถึงมากกว่า 400 ราย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมานโยบายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กเล็กยังคงขึ้นอยู่กับความเห็นของแต่ละครอบครัว และนโยบายของแต่ละประเทศในการควบคุมการระบาดของโรคเป็นหลัก โดยขณะนีสหภาพยุโรปกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่จนทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดมากกว่า 50% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก หลายประเทศในสหภาพยุโรป จึงได้ทยอยเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งมีจำนวนทั้งหมดราว 27 ล้านคน พร้อมงัดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้เด็กๆ คลายความกังวลใจเวลาฉีด รวมทั้งชักจูงใจให้ผู้ปกครองมั่นใจในความปลอดภัยและยินยอมพาบุตรหลานมารับวัคซีนกันให้มากขึ้น เพราะการฉีดวัคซีนให้เด็กนับเป็นอีกหนึ่งในกุญแจสำคัญที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดว่าจะสามารถช่วยยับยั้งความรุนแรงของการระบาดได้
...
จากผลสำรวจเกี่ยวกับการตัดสินใจของผู้ปกครองที่จะให้บุตรหลานเข้ารับวัคซีนพบว่า มากกว่า 42% ของผู้ปกครองในเนเธอร์แลนด์ราว 1,800 คนที่มีเด็กเล็ก เลือกที่จะไม่ให้บุตรของตนเองฉีดวัคซีน มีเพียง 30% เท่านั้นที่พร้อมจะให้ลูกฉีด ส่วนในอิตาลี มีกลุ่มตัวอย่างถึง 2 ใน 3 ที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน แต่สำหรับกรณีเด็กเล็กอายุ 5-11 ปี ความมั่นใจของผู้ปกครองต่อการฉีดวัคซีนลดลงไปเกือบ 40%
ขณะที่รัฐบาลในบางประเทศอย่างเช่น ฝรั่งเศส และเยอรมนี ยังคงจำกัดการกระจายวัคซีนในเด็กเล็กจนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น โดยทางฝรั่งเศสแนะนำให้เด็กที่มีน้ำหนักตัวเกินและมีความเสี่ยงสูงสามารถเลือกที่จะฉีดวัคซีนได้ก่อน ส่วนคณะกรรมการดูแลการฉีดวัคซีนของเยอรมัน ระบุว่าไม่สามารถให้คำแนะนำกับเด็กในวงกว้างได้ มีเพียงการสนับสนุนให้เด็กที่อายุ 5-11 ปี เฉพาะที่มีโรคประจำตัวหรือมีความเสี่ยงสูงเข้ารับการฉีดวัคซีนเช่นกัน
ด้านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงในหลายๆ ประเทศได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ขวบ เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว เช่นเดียวกับไทยที่เพิ่งมีการอนุมัติให้ใช้วัคซีนกับเด็กเล็กไม่นานมานี้ โดยศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยข้อมูลหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ขวบ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 - 5 มกราคม 2565 เป็นจำนวน 8,674,378 โดส พบว่ามีเด็กที่รับวัคซีนมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 12 ราย เป็นเพศหญิง 4 ราย เพศชาย 8 ราย แต่ทุกเคสมีอาการไม่รุนแรง หายเป็นปกติ
...
โดยปริมาณของวัคซีนที่ฉีดให้เด็กเล็ก จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ปริมาณ 10 ไมโครกรัม หรือเท่ากับปริมาตรวัคซีน 0.2 มิลลิลิตร หรือ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ฉีดให้ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยพบว่าวัคซีนโควิด-19 ช่วยป้องกันอาการป่วยหนัก และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ของเด็กอายุ 5-11 ขวบ ได้ 90.7% ที่สำคัญยังลดความเสี่ยงโรค MIS-C และลดอาการ Long Covid ที่เกิดขึ้นจากการติดโควิดในระยะยาวได้ด้วย.
ผู้เขียน : อาจุมม่าโอปอล