นับตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. แวดวงความมั่นคงต่างพากันตั้งคำถามว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือ “โสมแดง” กำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้ทดสอบยิงขีปนาวุธอย่างไม่หยุดหย่อน
เพราะถือเป็นเรื่องไม่ปกติที่จะเริ่มแสดงแสนยานุภาพกันตั้งแต่เดือน ม.ค. ต้นปี และด้วยปริมาณเช่นนี้ (ยิงไปแล้ว 7 ครั้งขณะที่เขียนบทความ) จากเดิมที่การทดสอบในแต่ละครั้งจะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ ของความสำเร็จทางการเมือง หรือแสดงความไม่พอใจที่สหรัฐฯ-เกาหลีใต้เตรียมดำเนินการซ้อมรบ
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้นักวิเคราะห์จากสถาบัน ส่งเสริมสันติภาพคาร์เนกีของสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือประจำมหาวิทยาลัยอีฮวาในเกาหลีใต้ ให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่การเบ่งกล้ามโชว์แสนยานุภาพถี่ยิบครั้งนี้ มาจากปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งกำลังเผชิญความยากลำบาก อาหารขาดแคลน จากปัญหาเศรษฐกิจช่วงสถานการณ์โควิด-19 การติดต่อค้าขายกับจีนถูกตัดขาด
นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ อาจต้องการแสดงให้ทุกๆคนเห็นว่า ความสำคัญทางความมั่นคงของประเทศจะไม่ถูกลดบทบาทแต่อย่างใด เนื่องจากเจ้าตัวเคยกล่าวว่า ประเทศกำลังเผชิญสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตาย แต่ขอให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะเพิ่มขุมอำนาจทางการทหาร ซึ่งรวมถึงการพัฒนาจรวดความเร็วเหนือเสียง
และสุดท้ายนี้ เชื่อด้วยว่าการทดสอบยิงขีปนาวุธเหล่านี้จะแผ่วลงเรื่อยๆ หรือถึงขั้นหยุดไปอย่างสิ้นเชิง เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจแก่ “จีน” เนื่องจากระหว่างวันที่ 4-20 ก.พ.นี้ รัฐบาลจีนจะเริ่มการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่กรุงปักกิ่ง ทั้งในช่วงกลางเดือน ม.ค. ยังมีรายงานด้วยว่า ขบวนรถไฟเกาหลีเหนือได้ถูกส่งเข้าไปในประเทศจีน ซึ่งคาดกันว่าเป็นขบวนรถขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ และความช่วยเหลือที่จำเป็น
...
กระนั้น หากยังไม่หยุดยิงก็ถืิอว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือมีความจำเป็นในการสร้างภาพลักษณ์อันเข้มแข็งมากกว่าปกติ และแม้จีนเองจะไม่พอใจ แต่ก็จะอดทดอดกลั้นได้ ตราบใดที่เกาหลีเหนือ “ไม่ล้ำเส้นจีน” ทำการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล หรือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์.
ตุ๊ ปากเกร็ด