หนุ่มชาวอเมริกันในเมืองบอสตัน ถูกโรงพยาบาลปฏิเสธการปลูกถ่ายหัวใจทั้งที่คิวอยู่ลำดับต้นๆ เนื่องจากเขาไม่ยอมฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

เว็บไซต์ข่าว abc7 รายงานในวันที่ 26 ม.ค. 2565 ว่า นายเดวิด เฟอร์กุสัน ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ดีเจ ลูกชายวัย 31 ปีของเขา ซึ่งกำลังต่อสู้เอาชีวิตรอดที่โรงพยาบาล บริกแฮมแอนด์วีเมน (Brigham and Women) ในเมืองบอสตัน และกำลังต้องการการปลูกถ่ายหัวใจใหม่อย่างเร่งด่วน แต่เขากลับไม่ได้รับสิทธิ์นั้น

นายเฟอร์กุสันบอกว่า ลูกชายของเขามีชื่ออยู่ลำดับแรกในรายชื่อผู้ที่จะได้รับการปลูกถ่ายหัวใจ แต่เนื่องจากเขาไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้เขาสูญเสียสิทธิ์รับการปลูกถ่ายไปตามนโยบายของทางโรงพยาบาล โดยเฟอร์กุสันระบุว่า ลูกชายของเขาตัดสินใจไม่รับวัคซีนเอง

“มันขัดกับหลักการพื้นฐานของเขา เขาไม่เชื่อในวัคซีนนี้ เมื่อโรงพยาบาลบังคับใช้นโยบายและเพราะเขาไม่ฉีดวัคซีน ทางโรงพยาบาลจึงถอดเขาออกจากรายชื่อผู้รับการปลูกถ่ายหัวใจ” เฟอร์กุสัน กล่าว

ด้านโรงพยาบาลบริกแฮมแอนด์วีเมนออกแถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นโยบายของพวกเขาก็เหมือนกับโครงการปลูกถ่ายอื่นๆ อีกมากมายในสหรัฐฯ วัคซีนต้านโควิด-19 เป็นหนึ่งในวัคซีนหลายชนิดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้มีสิทธิ์รับการปลูกถ่ายในระบบ Mass General Brigham เพื่อสร้างโอกาสที่ดีที่สุดที่การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ และโอกาสที่คนไข้จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หลังจากการปลูกถ่าย

ส่วน ดร.อาร์เธอร์ แคแพลน หัวหน้าแผนกจริยธรรมการแพทย์จากโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุว่า การฉีดวัคซีนจำเป็นสำหรับกระบวนการประเภทนี้ เพราะหลังการปลูกถ่ายอวัยวะไม่ว่าจะเป็น ไต หรือหัวใจ ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะถูกหยุดลง ไข้หวัดสามารถฆ่าคุณได้ โควิดสามารถฆ่าคุณได้ แต่อวัยวะเหล่านั้นมีน้อยมาก เราจะไม่มอบมันให้กับผู้ที่มีโอกาสมีชีวิตน้อยกว่า ในขณะที่คนอื่นๆ ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสดำรงชีวิตอยู่ได้หลังการผ่าตัดมากกว่า

...

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ดีเจ ซึ่งเป็นพ่อลูก 2 และกำลังจะมีลูกคนที่ 3 ยังคงได้รับความดูแลที่โรงพยาบาลบริกแฮมแอนด์วีเมน เนื่องจากร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าจะย้ายโรงพยาบาล โดยครอบครัวกำลังพยายามมองหาทางเลือกอื่นๆ ขณะที่ผู้เป็นพ่อชื่นชมลูกชายที่พยายามต่อสู้อย่างหนัก และยึดมั่นในหลักการของตัวเอง และย้ำว่า นี่เป็นร่างกายของเขา ดังนั้นเขาจะเป็นผู้เลือกเอง