สังคมเอเชียไม่ชอบให้ถาม และมองว่าการตั้งคำถามคือความท้าทาย ทั้งๆที่ความจริงแล้วการรู้จักตั้งคำถามสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้เลย ก็อย่างที่ “วอลแตร์” นักปราชญ์ในยุคเรืองปัญญาของฝรั่งเศสกล่าวไว้ “จงตัดสินคนจากการตั้งคำถามของเขา ไม่ใช่ที่คำตอบของเขา”ในบรรดามหาเศรษฐีระดับโลก ที่ใช้พลังของการตั้งคำถามเพื่อสร้างความสำเร็จทางธุรกิจจนเป็นแบบอย่างชั้นดี ต้องยกให้ มหาเศรษฐีขี่จรวด “เจฟฟ์ เบซอส” ผู้ปลุกปั้นแอมะซอนให้ครองความเป็นผู้นำธุรกิจอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลก ด้วยการตั้งคำถามฉีกออกไป ในขณะที่คนทั่วไปชอบถามว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่คนกลับไม่ชอบถามว่าอะไรบ้างที่จะไม่เปลี่ยนไปในอีก 10 ปีข้างหน้าการตั้งคำถามของ “เบซอส” ว่าอะไรบ้างที่จะไม่เปลี่ยนไปในอีก 10 ปีข้างหน้า กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกขนานใหญ่ แล้วอะไรบ้างที่จะไม่เปลี่ยนไปในอีก 10 ปีข้างหน้า เขาได้คำตอบว่า ทุกธุรกิจต้องมีลูกค้า และการเข้าใจลูกค้า คือสิ่งที่คนทำธุรกิจควรจะโฟกัสมากที่สุด แทนที่จะพยายามคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบตัวอันยากแก่การควบคุมผลจากการตั้งคำถามไม่เหมือนชาวบ้าน ทำให้เขาค้นพบว่า ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปเนิ่นนานแค่ไหน แต่ 3 สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปในธุรกิจรีเทลคือ ลูกค้าต้องการของราคาถูก, ได้รับสินค้าเร็วและมีตัวเลือกหลากหลาย “เบซอส” บอกกับผู้ค้าปลีกรายใหญ่เสมอว่า เขานึกไม่ออกเลยว่า มีเหรอลูกค้าที่อยากได้สินค้าราคาแพงกว่า, การส่งของที่ล่าช้ากว่า และมีตัวเลือกสินค้าที่น้อยกว่าถึงแม้ “เบซอส” จะพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 1997 แต่การมองหาสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของเขามาถึงวันนี้ ไม่ว่าจะในยุคเริ่มสร้างธุรกิจร้านขายหนังสือออนไลน์ จนผงาดขึ้นเป็นอาณาจักรดิจิทัลใหญ่ที่สุดของโลก ทุกกลยุทธ์ธุรกิจของแอมะซอนล้วนขับเคลื่อนไปได้ด้วย “การมอบพลังพิเศษให้ลูกค้า” ตั้งแต่การมอบความเร็วระดับสายฟ้าแลบ, ความสามารถในการหดราคา และพลังในการทำให้ทุกสิ่งปรากฏแก่สายตา ยิ่งไปกว่านั้นคือ พลังพิเศษเหล่านี้ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไม่จบไม่สิ้นด้วย คนทำธุรกิจส่วนใหญ่มักตั้งคำถามเหมือนๆกันว่าทำไม แต่เจ้าพ่อแอมะซอนคิดไปไกลกว่านั้น เพราะคำถามติดปากเขาเสมอคือ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?สรุปได้ว่า 3 สิ่งที่ทำให้แอมะซอนเติบโตจนถึงทุกวันนี้ และสยายปีกไปสู่ธุรกิจอื่นๆอย่างไม่หยุดยั้ง คือลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ, กล้าทดลองทำในสิ่งใหม่ๆและมีความอดทน แถมให้อีกข้อคือ ควรยึดมั่นในสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง!! แทนที่จะมัวกังวลกับความไม่แน่นอนในอนาคต จงอย่าเสียเวลาคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะโลกยุคหลังโควิด-19 ที่มีการคาดการณ์ไปต่างๆนานา เช่น คนจะเดินห้างน้อยลง, คอนเสิร์ตจะเปลี่ยนรูปแบบไป, ระบบการศึกษาในโรงเรียนจะถูกดิสรัปชัน หรือต่อไปมนุษย์จะถูก AI แย่งงานทำ ในทัศนะของ “เบซอส” การหมกมุ่นกับสิ่งเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิตถ้าซุปเปอร์แมนเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่เก่งที่สุด แล้วซุปเปอร์แมนของโมเดลธุรกิจคืออะไร “เบซอส” ตั้งคำถามให้ขบคิดในจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ถือหุ้น เมื่อปี 2014 เพื่อบอกเล่าคุณสมบัติของ “ธุรกิจในฝัน” ว่า ธุรกิจในฝันมีคุณสมบัติอย่างน้อย 4 อย่าง คือ ลูกค้ารักมัน, มันขยายตัวได้มาก, มันให้ผลตอบแทนดี และมันอยู่ได้นาน เป็นไปได้ที่จะอยู่ไปหลายสิบปี เมื่อคุณค้นพบคุณสมบัติเหล่านี้ อย่าแค่สนใจทำ จงทำมันให้เต็มที่.มิสแซฟไฟร์