- สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ สิ้นพระชนม์แล้วที่ฝรั่งเศส ขณะมีพระชนมายุ 77 พรรษา ปิดฉากชีวิตอันแสนวุ่นวาย ทั้งในสนามการเมืองกัมพูชา และชีวิตส่วนตัว
- ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสนามการเมืองกัมพูชา เจ้ารณฤทธิ์เคยขึ้นไปจนถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตกอับที่สุดจนต้องลี้ภัยหนีคดี ขณะที่ชีวิตครอบครัวก็เคยถึงขั้นถูกฟ้องหย่า
- เจ้ารณฤทธิ์พยายามกลับคืนสู่การเมืองหลายต่อหลายครั้ง ถึงขั้นจับมือกับสมเด็จ ฮุน เซน ผู้เคยโค่นอำนาจตนเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเรื่อยมา
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย. 2564 นายเขียว กัญญาฤทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศของกัมพูชา เปิดเผยข่าวการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ขณะพำนักในประเทศฝรั่งเศส มีพระชนมายุ 77 พรรษา ปิดฉากชีวิตอันแสนวุ่นวาย ทั้งในสนามการเมืองกัมพูชาและชีวิตส่วนตัว
อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาผู้นี้ ถูกมองว่า ขาดอำนาจบารมี และเสน่ห์ดึงดูดต่างกับ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา พระราชบิดา หรือแม้แต่คู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญอย่าง สมเด็จ ฮุน เซน ซึ่งแบ่งอำนาจปกครองประเทศร่วมกันในตอนแรก ก่อนที่ฮุน เซน จะฮุบอำนาจ และเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชามาจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ชีวิตการเมืองของเจ้ารณฤทธิ์ ผกผันเหมือนรถไฟเหาะตีลังกา พระองค์เคยขึ้นไปจนถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตกอับที่สุดจนต้องลี้ภัยไปต่างประเทศเพื่อหนีคดี ขณะที่ชีวิตครอบครัวก็เคยถึงขั้นถูกฟ้องหย่า พระองค์พยายามกลับคืนสู่การเมืองหลายต่อหลายครั้ง ถึงขั้นจับมือกับสมเด็จ ฮุน เซน ผู้เคยโค่นอำนาจตนเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเรื่อยมา
...
พระองค์จบการศึกษาสาขานิติศาสตร์จากฝรั่งเศส เริ่มเข้าสู่แวดวงการเมืองในปี 2526 หลังได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ฟุนซินเปก (FUNCINPEC) กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลของนาย ฮุน เซน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม และก้าวขึ้นมาแทนที่กลุ่มเขมรแดง
เจ้ารณฤทธิ์เปลี่ยนพรรคฟุนซินเปกให้เป็นพรรคการเมืองหนุนเจ้า และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2536 ที่สหประชาชาติเป็นผู้สนับสนุนตามกระบวนการสันติภาพ หลังจากกัมพูชาต้องเผชิญสงครามกลางเมืองมานานร่วม 6 ทศวรรษ จนกระทั่งกลุ่มเขมรแดงล่มสลาย
อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้ง นายฮุน เซน ขู่จะเคลื่อนกำลังทหารที่เขายังครอบครองอยู่ส่งผลให้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ภายใต้เจ้ารณฤทธิ์ ซึ่งครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลำดับ 1 แต่หลังจากบริหารประเทศรวมกันได้ไม่กี่ปี ทั้ง 2 ฝ่ายก็แตกคอกันเรื่องการแบ่งอำนาจบริหาร จนในที่สุด ฮุน เซน ก็ก่อรัฐประหารในปี 2540 นำทหารยึดอำนาจจากเจ้ารณฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ทำให้พระองค์ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ก่อนจะถูกขับออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ในปีต่อมา (2541) เจ้ารณฤทธิ์กลับมากัมพูชาอีกครั้ง และพาพรรคฟุนซินเปกชิงชัยในศึกเลือกตั้ง แต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของนายฮุนเซน แต่ก็ได้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาแห่งชาติในปีเดียวกันจนถึงปี 2549 โดยระหว่างนั้น ทรงประกาศไม่คิดสืบทอดราชบัลลังก์ของพระบิดา ทำให้พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กษัตริย์กัมพูชา ในเวลานั้น แต่งตั้ง เจ้านโรดม สีหมุนี พระราชโอรสต่างมารดากับเจ้ารณฤทธิ์ ขึ้นครองราชย์
ปี 2549 ถือเป็นปีวิปโยคของเจ้ารณฤทธิ์ ในเดือนมีนาคม พระองค์ถูกปลดจากตำแหน่งประธานรัฐสภา และต้องออกจากประเทศไปพำนักในฝรั่งเศสหลังต้องคดีหมิ่นประมาทสมเด็จ ฮุน เซน เดือนเดียวกัน พระองค์ถูกหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์แฉว่า ทรงแอบคบหากับนางอู๊ก พัลลา อดีตนาฏศิลปินผู้อ่อนวัยกว่าเกือบ 40 ปี จนโดนเจ้าหญิงนโรดม มารี พระชายาที่ถูกต้องตามกฎหมายฟ้องหย่า
ไม่เพียงเท่านั้น ในเดือนตุลาคม เจ้ารณฤทธิ์ถูกขับออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ฟุนซินเปก จากข้อกล่าวหาพยายามแต่งตั้งญาติของหม่อมพัลลาเข้าสู่รัฐบาล และยักยอกเงิน ก่อนที่ในเดือนต่อมาพระองค์จะกลับมากัมพูชา และก่อตั้งพรรคนโรดม รณฤทธิ์ (NRP) แต่กลับถูกขับออกจากตำแหน่ง ส.ส. ในเดือนธันวาคม และไม่กี่วันต่อมาก็ถูกเจ้าหญิงนโรดม มารี ยื่นฟ้องด้วยกฎหมายห้ามมีชู้ ซึ่งเพิ่งถูกบังคับใช้ในเดือนกันยายน โดยต้องใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะจบคดีความกันได้
ในเดือนมีนาคม 2550 เจ้ารณฤทธิ์ตัดสินใจขอลี้ภัยในมาเลเซีย หลังถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดข้อหายักยอกเงินพรรคจำนวน 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องโทษจำคุกถึง 18 เดือน ก่อนที่พระองค์จะทรงได้รับการพระราชทานอภัยโทษจาก พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ในปี 2551 จึงเสด็จกลับกัมพูชา พร้อมประกาศอำลาการเมือง และจะสนับสนุนพรรค CPP ของสมเด็จ ฮุน เซน
แต่แค่ 2 ปีต่อมา สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ก็กลับสู่เวทีการเมืองอีกครั้งเพื่อเจรจาควบรวมพรรค NRP กับพรรคฟุนซินเปกเข้าด้วยกัน แต่การเจรจาล่มในปี 2555 ทำให้พระองค์ประกาศลาออก และอำลาการเมืองรอบ 2 กระทั่งในปี 2557 พระองค์หวนคืนการเมืองอีกรอบเพื่อก่อตั้งพรรคใหม่ CRPP ร่วมจับมือกับพรรค CPP ของสมเด็จ ฮุน เซน ชิงฐานเสียงจากพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านมาได้มากมาย ก่อนที่ปีต่อมา เขาจะยุบพรรค CRPP กลับไปอยู่กับฟุนซินเปก
...
ต่อมาในปี 2560 สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ได้รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับสมาชิกพรรคฟุนซินเปก รวม 41 ที่นั่ง หลังศาลสูงสุดตัดสินยุบพรรคฝ่ายค้านกู้ชาติกัมพูชา ตัดสิทธิ์ทางการเมืองสมาชิกเป็นเวลา 5 ปี พร้อมจับกุมนายกึม ซกคา หัวหน้าพรรค ฐานสมคบคิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ โค่นล้มรัฐบาลกัมพูชา ทำให้ที่นั่งในสภาผู้ราษฎรว่างลง
หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่จังหวัดพระสีหนุในปี 2561 ซึ่งทำให้เจ้ารณฤทธิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนหม่อมพัลลาถึงแก่กรรมนั้น พระองค์ก็แทบไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่โดดเด่นอีก จนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทรงปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะประธานพรรคฟุนซินเปก แทนที่บุตรชายคนโตคือ เจ้าชาย นโรดม จักราวุธ ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ที่กรงปารีสฝรั่งเศส
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ แต่ที่ปรึกษาผู้ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า พระองค์ประชวรตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว ขณะที่พรรคฟุนซินเปกยืนยันว่า จะมีการนำพระศพของเจ้ารณฤทธิ์กลับประเทศในเร็วๆ นี้
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : AP, phnompenhpost
...