หญิงอเมริกันนักโทษคดีร่วมกับแฟนหนุ่มฆ่าแม่แท้ๆ ยัดศพใส่กระเป๋าเดินทางในบาหลีเมื่อ 7 ปีก่อนพ้นโทษแล้ว โดยจะถูกเนรเทศออกจากบาหลีกลับไปยังสหรัฐอเมริกาทันที

สื่อต่างชาติรายงานข่าว ฮีทเทอร์ แม็ค หญิงสาวชาวอเมริกันนักโทษในคดีร่วมกับแฟนหนุ่มฆาตกรรมแม่แท้ๆ ของตัวเอง แล้วอำพรางศพด้วยการยัดศพไว้ในกระเป๋าเดินทางบนเกาะบาหลีเมื่อปี 2557 ได้รับอิสรภาพแล้วในวันนี้ หลังจากชดใช้กรรมอยู่ในคุกนาน 7 ปี จากโทษจำคุกทั้งสิ้น 10 ปี โดยเธอได้รับอภัยโทษจากวันสำคัญๆ ต่างๆ ในอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง จนเหลือรับโทษจริงเพียง 7 ปี ซึ่งหลังจากที่เธอออกมาจากคุก เธอก็หลบเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์แก่นักข่าว โดยสวมหน้ากากอนามัยรวมทั้งแว่นกันแดด ก่อนจะขึ้นรถออกไป โดยหลังจากนี้เธอจะถูกคุมตัวไปยังห้องกักตัวของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองจนกระทั่งขึ้นเครื่อง เพื่อเนรเทศกลับไปยังสหรัฐอเมริกา ขณะที่นาย ทอมมี แชฟเฟอร์ แฟนหนุ่มของเธอซึ่งร่วมก่อเหตุ ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 18 ปี และยังรับโทษอยู่ในคุกบาหลี

ย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน ตำรวจบาหลีได้พบศพของ ชีลา วอน วีส แม็ค วัย 62 ปี ถูกยัดอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ภายในกระโปรงหลังของรถแท็กซี่ ซึ่งถูกจอดทิ้งไว้ในรีสอร์ตเซนต์รีจิส บาหลี รีสอร์ตระดับห้าดาวในเมืองนูซาดัว โดยตามร่างกายของศพมีรอยฟกช้ำและถูกทำร้ายร่างกายก่อนที่จะเสียชีวิต หลังจากนั้นเพียง 1 วัน ตำรวจก็สามารถรวบตัว ฮีทเทอร์ แม็ก ลูกสาวของผู้ตายซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 19 ปี และกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ รวมทั้งนายทอมมี แชฟเฟอร์ วัย 21 ปีแฟนหนุ่มของเธอ ขณะกบดานอยู่ในโรงแรมห่างจากที่เกิดเหตุราว 10 กิโลเมตร โดยหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การจับกุม คือกล้องวงจรปิดที่จับภาพขณะที่ทั้งสองกำลังมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับแม่ของฝ่ายหญิงภายในล็อบบี้โรงแรม จนกระทั่งนำไปสู่การฆาตกรรมโหด ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในโรงแรมดังกล่าว

...

ทั้งนี้ ฮีทเทอร์ แม็ค ได้คลอดลูกสาว สเตลลา แชฟเฟอร์ ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกศาลอินโดนีเซียตัดสินคดีในปี 2558 ซึ่งตามกฎหมายอินโดนีเซีย จะอนุญาตให้ลูกสาวอยู่กับแม่ภายในคุกได้จนกระทั่งอายุ 2 ขวบ ทำให้ฮีทเทอร์ แม็คต้องยกลูกสาวให้อยู่ในความดูแลของหญิงชาวออสเตรเลีย จนกว่าเธอจะพ้นโทษออกมา ซึ่งตามกฎหมายอินโดนีเซีย ชาวต่างชาติที่ถูกเนรเทศก็ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศอินโดนีเซียได้อีกอย่างน้อย 6 เดือน

ที่มา :แชนแนลนิวส์เอเชีย