ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ จากความกังวลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อที่สูง หลังราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ราคาทองคำลดลงต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 11 ต.ค. 2564 ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 250.19 จุด หรือราว 0.72% ปิดที่ 34,496.06 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 30.15 จุด หรือราว 0.69% ปิดที่ 4,361.19 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 93.34 จุด หรือราว 0.64% ปิดที่ 14,486.20 จุด

วอลล์สตรีทผันผวนปิดลบในวันจันทร์ หลังความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า ครอบงำตลาดมานานหลายสัปดาห์ โดยความกังวลเรื่องเงินเฟ้อคงอยู่นานกว่าที่คาด จากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน, การขาดแคลนแรงงาน และราคาพลังงานที่พุ่งสูง

ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจยุคหลังโควิดยังคงเชื่องช้า โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้และในช่วงปีหน้าลง โดยมีเหตุผลจากหลายปัจจัย ทั้งผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการที่รัฐบาลใกล้ผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ จากการลดลงของสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และการตัดสินใจของกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันในอัตราเท่าเดิม ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นในเอเชีย, ยุโรป และสหรัฐฯ นอกจากนั้น เมื่อสัปดาห์ก่อน กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เพิ่งยืนยันว่า ตอนนี้พวกเขาจะไม่แตะต้องคลังน้ำมันสำรองของชาติ เพื่อสนับสนุนราคาน้ำมันต่อไป

สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 1.5% ไปอยู่ที่ 80.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 1.55% ไปอยู่ที่ 83.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

...

ด้านราคาทองคำ ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จากการเพิ่มขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะเวลา 10 ปีที่ทะลุ 1.61% โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ขยับลง 1.70 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 0.1% ปิดที่ 1,755.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.

ที่มา : WSJ