ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลง จากความกังวลเรื่องห่วงโซ่อุปทาน, อัตราเงินเฟ้อ และตลาดแรงงาน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ส่วนราคาทองคำบวกเพิ่มปานกลาง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 4 ต.ค. 2564 ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 323.54 จุด หรือราว 0.94% ปิดที่ 34,002.92 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับลด 56.58 จุด หรือราว 1.30% ปิดที่ 4,300.46 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ดิ่ง 311.21 จุด หรือราว 2.14% ปิดที่ 14,255.48 จุด
วอลล์สตรีทเริ่มต้นสัปดาห์ในแดนลบ ในขณะที่นักลงทุนกำลังเฝ้ารอรายงานเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทใหม่ๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะช่วยยืนยันหรือลดทอนความกังวลในเรื่องห่วงโซ่อุปทาน, อัตราเงินเฟ้อ และจังหวะการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะเวลา 10 ปี พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ต่ำกว่า 1.5% ทำให้เกิดแรงเทขายในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี นำโดยเฟซบุ๊กที่ร่วมถึง 4.9% เพราะบอบช้ำจากปัญหาระบบล่มทั่วโลกในวันจันทร์
นอกจากนั้น นักลงทุนยังกังวลที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อขยายเพดานหนี้และหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้ ซึ่งนางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีการคลังเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดช่วงกลางเดือนตุลาคม และเสี่ยงทำให้เกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจถดถอย
ด้านราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานมากกว่า 2% หลังกลุ่มโอเปกพลัส ยืนยันจะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดิบเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันจนถึงเมษายนปีหน้า และออกจากมาตรการลดกำลังผลิต 5.8 ล้านบาร์เรล ตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั่วโลก ทำให้เกิดความกังวลว่า ปริมาณดังกล่าวอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน
...
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือราว 2.2% ไปอยู่ที่ 77.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.6% ไปอยู่ที่ 81.31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาทองคำ เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และการเทขายในตลาดหุ้น ทำให้ความต้องการทรัพย์สินปลอดภัยสูงขึ้น โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม บวกเพิ่ม 9.20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 0.5% ปิดที่ 1,767.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.
ที่มา : yahoo