ถือหลักบริหารประเทศแบบมนุษย์แม่ จนประสบความสำเร็จได้รับยกย่องเป็นผู้นำหญิงเหล็กทรงอิทธิพลที่สุดของโลก เมื่อ “อังเกลา แมร์เคิล” ประกาศวางมือทางการเมือง ด้วยวัย 67 ปิดตำนาน 16 ปี นายกรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดของเยอรมนี เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมานำชาติ จึงมีแต่เสียงแซ่ซ้องชื่นชมในสปิริตของคุณแม่ ทั้งๆที่กติกาการเมืองของเยอรมนีไม่จำกัดวาระดำรงตำแหน่ง จะผูกขาดเก้าอี้ยาวอมตะนิรันดร์กาลแบบผู้นำบางประเทศก็ทำได้ ถ้าคิดว่ามีความชอบธรรมพอ ไม่โดนประชาชนขับไล่

“แมร์เคิล” เติบโตมาในโลกคอมมิวนิสต์ของเยอรมนีตะวันออก พ่อเป็นนักบวชนิกายโปรเตสแตนต์ ส่วนแม่เป็นครู ตอนเด็กๆใฝ่ฝันอยากเป็นนักสเกตน้ำแข็งแต่ไม่ผ่านเกณฑ์ จึงผันตัวมาร่ำเรียนทางฟิสิกส์ และเรียนดีเรียนเด่นจนคว้าด็อกเตอร์สาขาควอนตัมเคมี ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในห้องวิจัยค่อนชีวิต แต่จุดพลิกผันที่ทำให้นักฟิสิกส์หญิงหันมาสนใจการเมือง เริ่มจากเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในช่วงที่เกิดการปฏิวัติใหญ่ในเยอรมนี เมื่อปี 1989 อันนำไปสู่การทลายกำแพงเบอร์ลิน รวมเยอรมนีตะวันตกและตะวันออกเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน

“แมร์เคิล” เริ่มชิมลางด้วยตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลเยอรมนีตะวันออกที่มาจากการเลือกตั้งคณะแรก และภายหลังการรวมประเทศในปี 1990 จึงได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจากรัฐเมคเลินบวร์ค-ฟอร์พอมเมิร์น แค่ลงสนามใหญ่ครั้งแรกก็ได้นั่งรัฐมนตรีกระทรวงสตรีและเยาวชน ตามมาด้วยเก้าอี้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ธรรมชาติ และความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ถือได้ว่าเป็นนักการเมืองที่ก้าวกระโดดเร็วมาก เพราะเป็นทั้งผู้หญิง แถมยังอายุน้อยไม่ถึง 40 ปี

ด้วยจุดแข็งที่ฉลาดรอบรู้ เอาจริงเอาจัง และมีความน่าเชื่อถือ ทำให้ “แมร์เคิล” ได้รับความไว้วางใจให้เป็นเลขาธิการพรรค ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน ซึ่งก็ไม่ทำให้ลูกพรรคผิดหวัง เพราะสามารถนำทัพคว้าชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป ในปี 2005 จนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมนี ขณะอายุ 51 ปี นับแต่นั้นมาเยอรมนีก็อยู่ในกงเล็บของ “อังเกลา แมร์เคิล” อย่างสมบูรณ์แบบ โดยสามารถครองใจประชาชน ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนาน 4 สมัย รวม 16 ปี

...

ความเป็นมนุษย์ป้าแต่งตัวเชยๆล้าสมัยมาจากเมืองต่างจังหวัดของฝั่งคอมมิวนิสต์ ทำให้ “แมร์เคิล” ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ กระนั้น การบริหารประเทศด้วยความหนักแน่น ซื่อสัตย์จริงใจ ไร้ข้อครหาเรื่องการทุจริต กลับสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง คนเยอรมันเรียกขานเธอว่า “คุณแม่” ขณะที่ในอียูยกให้เป็น “เจ๊ใหญ่” เพราะเชื่อว่าเธอเอาอยู่ในทุกเรื่อง และสามารถจัดการปัญหาให้ทุกคน

แม้จะถูกติงว่าไร้วิสัยทัศน์และล้าสมัยไม่ทันเทคโนโลยี แต่ตลอด 16 ปีของการดำรงตำแหน่ง เธอได้พิสูจน์ฝีมือครั้งแล้วครั้งเล่าในการนำพาประเทศฝ่าฟันวิกฤตการณ์ต่างๆ จนต้องยกให้เป็น “มือปราบวิกฤติ” ขณะที่นิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับให้ “แมร์เคิล” เป็นผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 14 ปี คุณแม่ฟาดฟันมาหมดตั้งแต่วิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป ซึ่งเกือบลากชาติสมาชิกอียูให้ล้มละลายทางเศรษฐกิจ ถ้านายกฯหญิงเหล็กไม่ใช้ไม้แข็งกำราบกรีซ และด้วยฝีมือของ “แมร์เคิล” นี่เอง ช่วยฉุดเศรษฐกิจที่ตกต่ำของเยอรมนีให้กลับมาแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกหนึ่งวิกฤติใหญ่วัดใจแม่คือ วิกฤติผู้ลี้ภัยที่หลั่งไหลเข้ามาในยุโรป เธอแก้ปัญหาด้วยการเปิดพรมแดนเยอรมนีรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศเกือบ 1ล้านคน ในปี 2015 พร้อมประกาศว่าเราสามารถจัดการเรื่องนี้ได้!!ในยุคของ “แมร์เคิล” ยังเปิดโอกาสให้ผู้หญิงทำงานสำคัญเสมอ โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ไม่นับรวมถึงวิกฤติโควิด-19 ที่วัดกึ๋นผู้นำทั้งโลก แต่เจ๊ใหญ่ก็เอาอยู่ และกลายเป็นต้นแบบของชาติยุโรปทั้งทวีป.

มิสแซฟไฟร์