ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบจากความกังวลว่ารัฐบาลจะเพิ่มอัตราภาษีนิติบุคคล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้นปานกลาง จากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 14 ก.ย. 2564 ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งลง 292.06 จุด หรือราว 0.84% ปิดที่ 34,577.57 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 25.68 จุด หรือราว 0.57% ปิดที่ 4,443.05 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ขยับลง 67.82 จุด หรือราว 0.45% ปิดที่ 15,037.76 จุด

ในเบื้องต้นวอลล์สตรีทได้แรงหนุนจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งใช้ชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ โดยข้อมูลประจำเดือนสิงหาคมชี้ว่า ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 5.3% หากเทียบแบบปีต่อปี แต่หากคิดเป็นรายเดือนนับว่าเพิ่มจากเดือนกรกฎาคมเพียง 0.3% และถ้าตัดภาคอาหารและพลังงาน ดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านั้นเพียง 0.1% เท่านั้น

แต่ต่อมาตลาดก็ปรับตัวลดลง จากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่กฎหมายงบประมาณมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ของรัฐบาล โจ ไบเดน ใกล้จะผ่านความเห็นชอบจากสภา ทำให้การเพิ่มดอกเบี้ยนิติบุคคลในสหรัฐฯ ขยับใกล้ความจริง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้จะมีสัญญาณการอ่อนตัวลงของอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว

ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ในขณะที่ผู้ค้ากำลังชั่งน้ำหนักถึงผลกระทบจากพายุโซนร้อน ‘นิโคลัส’ ซึ่งขึ้นฝั่งรัฐเทกซัส ในฐานะเฮอริเคนระดับ 1 ในช่วงเช้าวันอังคาร ไม่กี่สัปดาห์หลังจากเฮอริเคนไอดาเพิ่งพัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก

สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ขยับขึ้น 0.01 ดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 70.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มเพียง 0.09 ดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 73.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

...

รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคยังทำให้ราคาทองคำบวกเพิ่มปานกลาง โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 7.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 0.4% ปิดที่ 1,792.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.

ที่มา : yahoo, xinhuanews