ก็เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก” ทรงหนีออกจากวังหลวง เมื่อจู่ๆเสด็จกลับบ้านเกิดในแอฟริกาใต้ตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จนป่านนี้ยังไม่กลับโมนาโกมาดูแลลูกแฝด และแม้แต่วันครบรอบ 10 ปี ของการอภิเษกสมรส ก็ไร้เงาเจ้าหญิงในกรงทอง อาการแบบนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีข่าวลือแพร่สะพัดถึงสัมพันธ์ง่อนแง่นระหว่างเจ้าหญิงกับพระสวามีผู้มากรัก “เจ้าชายอัลแบร์ที่สองแห่งโมนาโก”
“เจ้าหญิงชาร์ลีน” เคยรับสั่งเป็นนัยๆว่า ปี 2019 เป็นปีแห่งความเจ็บปวด พอผ่านมาถึงปี 2020 ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น อดีตนักว่ายน้ำโอลิมปิกจากแอฟริกาใต้ที่กลายเป็นซินเดอเรลล่า ยอมรับว่าต้องเผชิญกับเรื่องแย่ๆมากมายในปี 2020 จนอยากจะลบออกจากความทรงจำ
แม้จะไม่ระบุชัดว่าเจ็บช้ำเรื่องใด แต่ทราบกันดีว่า “เจ้าหญิงชาร์ลีน” เสด็จออกจากโมนาโกในครั้งนี้ หลังมีกระแสข่าวว่า พระสวามีทรงถูกฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรอีกครั้ง คราวนี้เป็นหญิงนิรนามชาวบราซิล อ้างว่ามีบุตรสาว วัย 15 ปี กับประมุขโมนาโก ซึ่งขณะนั้นเจ้าชายทรงเป็นแฟนกับเจ้าหญิงแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้อภิเษกสมรสกัน
ก่อนหน้านี้ ประมุขแห่งโมนาโกทรงเคยโดนฟ้องในคดีลักษณะเดียวกันมาแล้ว 3 ครั้ง โดยลงเอยด้วยการตรวจดีเอ็นเอ และยอมรับในที่สุดว่า 2 ใน 3 เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์ จนถึงขณะนี้ทรงให้การอุปถัมภ์ ลูกนอกสมรสอยู่ 2 คน ลูกสาวคนแรกเกิดจากความสัมพันธ์กับ “ทามารา โรโทโล” นายหน้าอสังหาฯชาวอเมริกัน ส่วนลูกชายคนที่สองเป็นพยานรักระหว่างเจ้าชายกับแอร์โฮสเตสผิวสีของสายการบินแอร์ฟรานซ์ “นิโคล คอสท์” ที่เรื่องมาแดงเมื่อปี 2005 ไม่กี่วันก่อนเจ้าชายเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
...
อย่างที่เกริ่นไว้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เจ้าหญิงชาร์ลีน” หนีออกจากกรงทอง ย้อนไปในช่วงก่อนเข้าพิธีอภิเษกสมรส เมื่อปี 2011 เจ้าหญิงก็เคยหนีออกจากวังหลวงมาแล้ว แม้สุดท้ายจะตามตัวกลับมาเป็นเจ้าสาวได้ทันเวลา แต่ระหว่างพิธีเจ้าหญิงก็ดูหมองเศร้าและมีน้ำตารื้นให้เห็น ขณะที่เจ้าชายอัลแบร์ที่สองทรงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์
เวลาผู้หญิงอกหัก หรือเซ็งชีวิต ก็มักจะลุกขึ้นกล้อนผมประชดผู้ชาย มันเลยเข้าเค้าเอามากๆ เมื่อจู่ๆ “เจ้าหญิงชาร์ลีน” ลุกขึ้นตัดผมสั้นกุด แถมไถข้างซะเปรี้ยวแซ่บผิดหูผิดตา หลังเกิดกระแสข่าวการฟ้องร้องเจ้าชายอัลแบร์ที่สองจนเป็นไวรัลกระหึ่มทั้งโลกออนไลน์
ในยามทุกข์ใจย่อมไม่แปลกที่ซินเดอเรลล่าสาวจะคิดถึงบ้านเกิดและอยากกลับไปพักใจในอ้อมอกอุ่นๆของครอบครัว แม้เจ้าหน้าที่วังจะอ้างว่า “เจ้าหญิงชาร์ลีน” ยังเสด็จกลับโมนาโกไม่ได้ เพราะมีปัญหาสุขภาพ ติดเชื้อรุนแรงที่หู, คอ และจมูก ขณะที่เจ้าชายอัลแบร์ที่สองทรงยืนกรานว่า พระชายาเข้ารับการผ่าตัดและอยู่ระหว่างการพักฟื้นรักษาตัว งานนี้เพื่อสยบขาเม้าท์ ประมุขโมนาโกลงทุนบินไปเยี่ยมเจ้าหญิงถึงแอฟริกาใต้ และโพสต์รูปคู่ลงอินสตาแกรม กระนั้น แมงเม้าท์แอบจับผิดว่า ทั้งคู่ดูฝืนๆไม่สนิทใจที่กอดกัน เมื่อปี 2020 “เจ้าชายอัลแบร์ที่สอง” ทรงเป็นผู้นำประเทศรายแรกของโลกที่ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เจ้าหญิงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาที่พักรักษาตัวนานหลายเดือน
แม้จะปกครองราชรัฐที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองของโลก มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 40,000 คน แต่ประมุขโมนาโกก็ทรงเป็นกษัตริย์รวยที่สุดอันดับ 10 ของโลก มีสินทรัพย์ในครอบครองมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นเจ้าของที่ดิน 1 ใน 4 ของประเทศ สิ่งที่เจ้าชายอัลแบร์ที่สองทรงเน้นย้ำมากคือ การสร้างคอนเนกชันผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนานาประเทศ และผู้ทรงอิทธิพลด้านต่างๆของโลก โมนาโกไม่จำเป็นต้องพยายามเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ คิดใหญ่ทำใหญ่ฝันใหญ่ แต่ควรโฟกัสที่ความสุขและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ด้วยวิสัยทัศน์เช่นนี้ตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นประมุขโมนาโก เมื่อปี 2005 ภาพของ “เจ้าชายเพลย์บอย” จึงค่อยๆถูกลบทิ้งไป เหลือเพียงความเป็นแฟมิลี่แมน กระนั้น ฝันร้ายในวันเก่าวีรกรรมที่ทำไว้กลับตามมาหลอกหลอนไม่เลิก!!
มิสแซฟไฟร์