โจ ไบเดน เตรียมนำรัฐบาลกลางเคลื่อนไหวต่อต้านกฎหมายห้ามทำแท้งเกือบทุกกรณีของรัฐเทกซัส หลังศาลสูงสุดอนุญาตให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ได้

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.ย. 2564 ว่า รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านกฎหมายห้ามทำแท้งเกือบทุกกรณีของรัฐเทกซัส และตำหนิคำตัดสินของศาลสูงสุด ที่อนุญาตให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ว่า เป็นการทำร้ายสิทธิสตรีอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลสูงสุด ทำให้นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.เป็นต้นไป บุคคลใดก็ตามมีสิทธิยื่นฟ้องร้องใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับทำแท้งผู้หญิงที่อายุครรภ์เกิน 6 สัปดาห์ได้ แม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ก็ตาม

นายไบเดน กล่าวว่า เขาจะตรวจสอบว่า รัฐบาลกลางต้องดำเนินขั้นตอนอะไรบ้าง เพื่อคุ้มครองผู้หญิงและผู้ให้บริการทำแท้ง โดยเขาได้ถามกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ กับกระทรวงยุติธรรมแล้ว เพื่อดูว่ารัฐบาลจะสามารถรับมือกับกฎหมายฉบับนี้ได้อย่างไร แต่เขาไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ละเมิดคำตัดสินในคดี ‘Roe v Wade’ ในปี 2516 ซึ่งศาลสูงสุดทำให้การทำแท้งเป็นเรื่องถูกกฎหมายทั่วสหรัฐฯ โดยตัดสินว่า ผู้หญิงมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญให้ทำแท้งได้ในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์

ด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดน อยากเห็นการประมวลกฎหมายจากคดี Roe v Wade มาตลอด ซึ่งเรื่องนี้อาจหมายถึง การให้สภาคองเกรสผ่านกฎหมายกลาง

...

ด้านนายเกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส สังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้ลงนามบังคับใช้กฎหมายห้ามทำแท้งฉบับนี้ กล่าวว่า รัฐเทกซัสจะปกป้องสิทธิในการมีชีวิตตลอดไป