บุคลากรทางการแพทย์ออสซี่เตือน ภาครัฐพิจารณาให้ดี หากคลายมาตรการคุมเข้มในเวลานี้ ระบบสาธารณสุขอาจล่ม เพราะไม่พร้อมรับมือการระบาด
สมาคมการแพทย์ออสเตรเลีย ออกมาเตือนรัฐบาลให้พิจารณาการเปิดประเทศ และยกเลิกมาตรการคุมเข้มให้รอบด้าน หลังจากหลายรัฐเริ่มเตรียมความพร้อมให้มีการเปิดให้บริการภาคธุรกิจต่างๆ และจะให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยให้อยู่กับการระบาดของไวรัสให้ได้ เนื่องจากโรงพยาบาลในออสเตรเลียยังไม่พร้อมที่จะรับมือหากเกิดการระบาดขึ้นอีก แม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนของประชาชนจะสูงขึ้นมากแล้วก็ตาม
นายคริส มอย รองประธานสมาคมการแพทย์ออสเตรเลียยังระบุด้วยว่าขณะนี้ ระบบสาธารณสุขกำลังอยู่ในอันตราย หากยังวนเข้าไปในวัฏจักรการติดเชื้อเช่นเดิม พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐวางรูปแบบใหม่ให้รัดกุม เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถที่จะรับมือกับการระบาดที่อาจจะตามมาหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพราะหากปล่อยไปโดยไม่มีการวางแผนที่รัดกุมรองรับ ก็เหมือนการลอยแพบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน ซึ่งแพอาจจะล่มลงในเวลาไม่นาน
ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ออสเตรเลียมีการเผยแผน 4 ขั้น เพื่อจะให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากที่ประชากรราว 70-80 เปอร์เซ็นต์รับวัคซีนครบแล้ว โดยสั่งการให้แต่ละรัฐเร่งลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยเร็ว
โดยขณะนี้รัฐควีนส์แลนด์ และรัฐเวสต์เทิร์น ออสเตรเลีย ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว ระบุว่าพวกเขาอาจจะเปิดรัฐโดยที่ไม่รอจนกว่ารัฐนิวเซาท์เวลส์จะมียอดติดเชื้อลดลง โดยในขณะนี้ยอดติดเชื้อยังอยู่ที่เกินกว่า 1,000 ราย ต่อวันในช่วง 5 วันที่ผ่านมา
...
โดยนอกจากรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้ว ยังมีรัฐวิคตอเรียอีกรัฐที่ยังพบการติดเชื้อต่อเนื่อง โดยทั้งสองรัฐยังคงเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากร โดยหวังว่าจะเป็นหนทางที่จะสกัดการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลตา และทำให้ยอดติดเชื้อลดลงโดยเร็ว หลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มายาวนาน โดยผู้ติดเชื้อในรัฐวิคตอเรียพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 176 ราย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จาก 120 รายในวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ ประเทศออสเตรเลียนับเป็นประเทศหนึ่งที่ยอดการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้สูงมาก โดยมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,012 ศพ และมีผู้ติดเชื้อสะสม 55,000 ราย แต่การฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ทำให้การติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลตาระลอกใหม่ และมีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมาก โดยขณะนี้มีประชากรอายุมากกว่า 16 ปี เพียง 36 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งยังอยู่ใระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ.
ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย