ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมเดือนสิงหาคมยังคงเป็นบวก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง เชื่อโอเปกจะเพิ่มกำลังผลิต ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 31 ส.ค. 2564 ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 39.11 จุด หรือราว 0.11% ปิดที่ 35.360.73 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลง 6.11 จุด หรือราว 0.13% ปิดที่ 4,522.68 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 6.65 จุด หรือราว 0.044% ปิดที่ 15,259.24 จุด
วอลล์สตรีทลดลงหลังจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนของสถาบัน Conference Board ซึ่งนักลงทุนจับตาดูอย่างใกล้ชิด ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ยังจบเดือนสิงหาคมในแดนบวก โดยเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันแล้ว โดยบวกเพิ่ม 3% ส่วนแนสแด็กเพิ่มขึ้น 4% จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ดาวโจนส์ซึ่งเต็มไปด้วยหุ้นกลุ่มวัฏจักร ซึ่งเคลื่อนไหวตามการเติบโตของเศรษฐกิจ บวกเพียง 1% เพราะความกังวลเรื่องการระบาดของโควิดเดลตา
ด้านราคาน้ำมันดิบดิ่งลงในวันอังคาร ท่ามกลางความกังวลว่าจะเกิดอุปทานน้ำมันส่วนเกินในตลาด เนื่องจากคาดกันว่าชาติสมาชิกโอเปกและพันธมิตรจะเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดิบอีก 400,000 บาร์เรลต่อวันไปจนถึงเดือนธันวาคม ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของเฮอริเคนไอดา กำลังฟื้นตัวกลับมา
นอกจากนั้นสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายการจัดซื้อนอกภาคการผลิต ซึ่งบ่งชี้ผลงานของภาคบริการและภาคการก่อสร้าง ประจำเดือนสิงหาคม พบว่า ลดลงจากเดือนก่อนที่ 53.3 เหลือ 47.5 เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 แสดงให้เห็นการหดตัวในภาคบริการและการก่อกสร้าง ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบด้วย
...
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 0.71 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1% ไปอยู่ที่ 68.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 0.42 ดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 72.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการลดลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินดอลลาร์ และการทรงตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สะท้อนว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ช้าลง โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 5.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 0.3% ปิดที่ 1,818.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.