โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เตือนว่าอาจเกิดการโจมตีที่สนามบินคาบูลอีกครั้งภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และยืนยันว่าสหรัฐฯ จะตามล่ากลุ่มไอซิส-เค ต่อไป
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกโรงเตือนในวันเสาร์ที่ 28 ส.ค. 2564 ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานจะถูกโจมตีอีกครั้ง โดยผู้บัญชาการกองทัพหลายคนบอกกับเขาว่า การโจมตีที่เร็วที่สุดอาจเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้
สหรัฐฯ กำลังปฏิบัติการอพยพชาวอเมริกันและชาวอัฟกันออกจากอัฟกานิสถาน กระทั่งในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติ ฮามิต คาร์ไซ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 170 ศพ รวมเจ้าหน้าที่อเมริกันด้วย 13 นาย โดยกลุ่มติดอาวุธไอซิส-เค (ISIS-K) ออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
เพื่อเป็นการตอบโต้ สหรัฐฯ ส่งโดรนโจมตีทางอากาศในภาคตะวันออกของอัฟกานิสถานเมื่อกลางดึกวันศุกร์ สังหารสมาชิกซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของกลุ่มไอซิส-เค ไป 2 ราย โดยเป็นผู้วางแผนการโจมตี และผู้อำนวยความสะดวก แต่ยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการโจมตีสนามบินคาบูลที่ผ่านมาหรือไม่
นายไบเดนย้ำว่า การโจมตีทางอากาศดังกล่าวจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย สหรัฐฯ จะตามล่าใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีอันชั่วร้ายครั้งนั้นต่อไป และให้คนพวกนั้นชดใช้
ทั้งนี้ ทหารสหรัฐฯ ซึ่งดูแลปฏิบัติการอพยพประชาชนที่สนามบินคาบูล เริ่มถอนทหารออกมาแล้ว โดยจำนวนลดลงจาก 5,800 นาย เหลือ 4,000 นายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่เส้นตายการถอนทหารทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถานจะมาถึงในวันที่ 31 ส.ค.นี้
...
ด้านทำเนียบขาวสหรัฐฯ ระบุว่า ในช่วง 2-3 วันสุดท้ายนี้เป็นเวลาอันตรายที่สุดนับตั้งแต่การอพยพเริ่มขึ้นในวันที่ 14 ส.ค. ขณะที่มีรายงานด้วยว่า กลุ่มตาลีบันตั้งแนวด่านตรวจรอบสนามบินเพิ่มอีก และไม่อนุญาตให้ชาวอัฟกันส่วนใหญ่เดินทางผ่านเข้าสู่สนามบิน
สหรัฐฯ และนานาประเทศสามารถอพยพชาวอัฟกันและชาวต่างชาติออกจากอัฟกานิสถานได้มากกว่า 110,000 คน ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการอพยพกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว โดยในวันเสาร์เครื่องบินเที่ยวสุดท้ายของอังกฤษและอิตาลีจะเดินทางออกจากกรุงคาบูล
บีบีซีรายงานอีกว่า เนื่องจากความเป็นไปได้ในออกจากประเทศทางอากาศเริ่มหมดลง ชาวอัฟกันจำนวนมากจึงพยายามหนีไปทางภาคพื้น ผ่านพรมแดนทางตะวันออกที่เชื่อมต่อกับปากีสถาน โดยด่านใกล้เมืองสปินโบลดัค ทางตอนใต้ยังคงเปิดอยู่ และมีชาวอัฟกันจำนวนหนึ่งผ่านไปได้ แต่หนึ่งในทางข้ามหลักที่เมือง ตอร์คาม (Torkham) ถูกปิด.