สื่อต่างประเทศชื่อดัง รายงานข่าวกรณีมีคลิปวิดีโอแฉตำรวจไทยกลุ่มหนึ่ง ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาเพื่อกรรโชกทรัพย์ จนผู้ต้องหาเสียชีวิต โดยมีบุคคลระดับผู้กำกับเป็นผู้บงการ

สำนักข่าว วอชิงตันโพสต์ สื่อชื่อดังของสหรัฐฯ รายงานข่าวกรณีมีคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดถูกเผยแพร่ในประเทศไทย แสดงให้เห็นพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของตำรวจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะของผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายหนึ่ง โดยพวกเขาถูกกล่าวหาว่า พยายามขู่กรรโชกทรัพย์จากผู้ต้องหารายนี้ แต่เขากลับขาดอากาศหายใจเสียชีวิต

ตอนนี้มีตำรวจ 5 นายถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมอันเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว และเจ้าหน้าที่กำลังตามล่าตัวตำรวจอีก 2 นาย รวมถึง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ เจ้าของฉายา “โจ้ เฟอร์รารี่” เนื่องจากเขามีรถสปอร์ตหรูเก็บสะสมไว้หลายสิบคัน ที่กำลังหลบหนีหมายจับ

วอชิงตันโพสต์ ระบุว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมาก เพราะข้อกล่าวหาเรื่องตำรวจใช้ความรุนแรง หรือการคอร์รัปชัน ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย และตำรวจก็เพิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการใช้กำลังกับผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนในกรุงเทพมหานครในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจสูงขึ้นไปอีก

นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ฮิวแมนไรท์วอตช์ กล่าวว่า กรณีตำรวจทรมานและฆาตกรรมผู้ต้องหาถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่นี่ไม่ใช่กรณีแรก และไม่น่าจะเป็นกรณีสุดท้าย หากตำรวจไม่ดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง และไม่ตรวจสอบทุกซอกทุกมุม

...

ทั้งนี้ การสืบสวนคดีของผู้กำกับโจ้ เริ่มขึ้นหลังจาก นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” นักกฎหมายผู้มีชื่อเสียงในประเทศไทย โพสต์คลิปวิดีโออื้อฉาวนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยระบุว่า เขาได้รับแจ้งจากตำรวจชั้นผู้น้อยในนครสวรรค์ว่า เมื่อ 5 ส.ค. ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 2 คน เป็นชายวัย 24 ปี กับเพื่อนหญิงของเขา พร้อมกับยาบ้า 1 แสนเม็ด

ตำรวจชั้นผู้น้อยรายนี้อ้างว่า ตอนแรก ตำรวจเรียกร้องเงิน 1 ล้านบาทจากผู้ต้องหาเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งผู้ต้องหาตกลงจ่ายเงิน แต่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเปิดเผยในภายหลังว่าคือ ผู้กำกับโจ้ ซึ่งอยู่ที่ สน.ด้วย ณ ขณะนั้น เรียกร้องเงินเพิ่มอีกเท่าตัว และสั่งให้ลูกน้องใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ต้องหาชาย และทำร้ายร่างกายจนชายคนนี้ยอมตกลง

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาผู้ต้องหากลับเสียชีวิต ผู้กำกับโจ้จึงสั่งให้ลูกน้องนำศพไปโรงพยาบาลแล้วบอกให้แพทย์บันทึกสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากการเสพยาเกินขนาด ส่วนผู้ต้องหาหญิงได้รับการปล่อยตัว แต่ถูกกำชับว่าไม่ให้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่ผู้กำกับโจ้จ่ายเงินปิดปากบิดาของผู้เสียชีวิต.