• อิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของมาเลเซีย และเป็นคนที่ 3 นับแต่การเลือกตั้งปี 2561 หลังสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุลเลาะห์ สุลต่าน อาหมัด ชาห์ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
  • การก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของอิสมาอิล ซาบรี ได้ทำให้พรรคอัมโน ได้กลับมาครองอำนาจปกครองสูงสุดอีกครั้งโดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากเมื่อปี 2561 ได้สูญเสียที่นั่งข้างมากในสภาที่เคยครองมานานถึง 60 ปีจากเรื่องอื้อฉาว ทุจริตกองทุน "วันเอ็มดีบี" 
  • ชาวมาเลเซียกำลังเผชิญความยากลำบากด้วยพิษเศรษฐกิจรุมเร้า จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีชาวมาเลเซียติดเชื้อแล้วกว่า 1.5 ล้านราย เสียชีวิตแล้วเกือบ 14,000 ศพ ปัญหาสั่นคลอนอำนาจรัฐบาลของอดีตนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน จนต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีทรงแต่งตั้งอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ผู้ได้รับเสียงสนับสนุน 114 เสียง เกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 220 ที่นั่ง ส่งผลให้เขามาดำรงตำแหน่งแทนมูห์ยิดดิน ยัสซิน ที่เจอปรากฏการณ์พรรคร่วมรัฐบาล (Perikatan Nasional-PN) แตกรังขาดเสียงสนับสนุนในสภา จนต้องลาออกจากตำแหน่งไป ท่ามกลางข้อครหาว่าบริหารจัดการโควิด-19 ผิดพลาด ไม่ตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนของประชาชน 

...

"อิสมาอิล ซาบรี" 34 ปีในแวดวงการเมืองมาเลเซีย 

นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี วัย 61 ปี เป็นอดีตนักกฎหมายจากรัฐปะหัง ผู้ผันตัวเข้าสู่เส้นทางการเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ได้รับการเคารพนับถือคนหนึ่งในแวดวงการเมืองมาเลเซียมาอย่างยาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ปี 2530 หรือกว่า 34 ปีมาแล้ว เมื่อปี 2561 เขาก้าวขึ้นเป็นรองประธานพรรคการเมืองเก่าแก่ อย่างพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ หรือพรรคอัมโน 

ที่ผ่านมาอิสมาอิล ซาบรี เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดูแลหลายกระทรวงตั้งแต่กระทรวงกีฬาและเยาวชน ในสมัยรัฐบาลของอดีตนายกฯ อับดุลเลาะห์ บาดาวี เมื่อปี 2551 ก่อนที่จะไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการค้าภายใน กระทรวงเกษตร และกระทรวงการพัฒนาท้องถิ่น สมัยรัฐบาลนาจิบ ราซัค และพอมาในสมัยรัฐบาลของ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด เขาก็ขึ้นเป็นผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และได้กลับมาเป็นฝ่ายรัฐบาลอีกครั้งในรัฐบาลของนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ในตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสควบกระทรวงกลาโหมดูแลกิจการความมั่นคง และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมา  

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการประกาศชื่อนายอิสมาอิล ซาบรี เป็นผู้แทนพรรคอัมโน ที่จะเข้าไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็ได้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนักในโลกโซเชียล มีการลงชื่อออนไลน์ในเว็บไซต์ change.org ได้กว่า 350,000 รายชื่อภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนทูลเกล้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดี คัดค้านการที่เข้าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะมองว่ารองนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ก็ต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในการบริหารจัดการโควิด-19 ผิดพลาด ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูง และในอดีตยังเคยออกมากล่าวสนับสนุนการให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มชาติพันธุ์มลายูเหนือกว่าคนเชื้อสายจีนในประเทศ 

บรรดานักวิเคราะห์มองว่า แม้จะมีทั้งคนรักคนเกลียด และไม่ใช่คนที่ดีที่สุด แต่นายอิสมาอิล ซาบรี ก็เป็นคนที่เหมาะสมลงตัวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายในตอนนี้ โดยมองว่าเขาจะเป็นเพียงนายกฯ คั่นเวลา และจะไม่ได้ทำให้มาเลเซียหลุดพ้นจากปัญหาขัดแย้งทางการเมืองที่มีมายาวนาน โดยมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ของอิสมาอิล ซาบรี ก็จะไม่ได้มีเสถียรภาพสูงแต่อย่างใด ปัญหาเดิมๆ อย่างการตีรวน และปรากฏการณ์งูเห่าก็ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งทำให้มาเลเซียต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนในช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา

...

เส้นทางกลับสู่อำนาจของพรรคอัมโน

เรื่องราวการเลื่อยขาเก้าอี้นายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน แล้วกลับมาเป็นรัฐบาลของพรรคอัมโนคราวนี้สามารถอธิบายได้ด้วยสูตรคณิตศาสตร์ง่ายๆ เมื่อรองนายกฯ อิสมาอิล ซาบรี ในตอนนั้นมี ส.ส.หนุนอย่างเหนียวแน่นแล้ว 100 เสียง การที่จะได้เพิ่มอีก 11 เสียงเพื่อเป็นกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร (Dewan Rakyat) 220 ที่นั่งก็เป็นเรื่องไม่ยาก เพียงต้องโน้มน้าว ส.ส.พรรคอัมโน 15 คนที่นำโดยประธานพรรคอาหมัด ซาฮิด อิบรอฮิม ให้ตัดสินใจย้ายข้างถอนการสนับสนุนพรรคภูมิบุตร เบอร์ซาตู ของนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน เป็นการดับฝันคู่แข่งอย่างนายอันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรคความยุติธรรมของประชาชน ไปอีกครั้ง

ในอดีตที่ผ่านมาพรรคอัมโน พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ผูกขาดครองอำนาจทางการเมืองมาเลเซียมาตั้งแต่ได้รับเอกราชเป็นเวลายาวนานกว่า 61 ปี ก่อนที่จะเกิดเรื่องอื้อฉาวทุจริตคอร์รัปชันในสมัยรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค จนต้องก้าวลงจากตำแหน่งกลางวาระ แล้วจากนั้นก็เป็นครั้งแรกที่พรรคอัมโนก็ต้องพ่ายแพ้ในการเลือกทั่วไปครั้งที่ 14 และชัยชนะต้องตกไปเป็นของพรรคปากาตัน ฮาราปัน แกนนำแนวร่วมฝ่ายค้านที่นำโดย มหาธีร์ โมฮัมหมัด วัย 93 ปี

...

สำหรับพรรคอัมโนแล้ว ในครั้งนั้นเป็นการทำผลงานแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกลุ่มแนวร่วม 13 พรรคในนามกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ หรือบีเอ็น ทำให้พรรคอัมโนต้องออกจากการเป็นรัฐบาล  

การกลับมาเป็นรัฐบาลของพรรคอัมโนในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย อัมโนเป็นพรรคการเมืองสายอนุรักษนิยมที่เน้นการคุ้มครองวัฒนธรรมและอิสลามของมาเลเซียเป็นหลัก และมีนโยบายส่งเสริมธุรกิจของชาวมลายูที่นับถือศาสนาอิสลาม การกลับมาของพรรคอัมโน ได้ส่งผลให้นับจากนี้หลายฝ่ายต้องหันมาจับตาในเรื่องนโยบายที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์ และความหลากหลายทางเชื้อชาติว่าจะดำเนินไปอย่างไร 

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า พรรคอัมโนเคยพ่ายแพ้การเลือกตั้งไปเพราะปัญหาคอร์รัปชัน แต่ได้กลับมาบริหารประเทศอีกอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีการเลือกตั้ง ทำให้ครั้งนี้เสี่ยงอย่างมากต่อกระแสความไม่พอใจของชาวมาเลเซีย

ปัญหาท้าทายของผู้นำมาเลเซีย

การเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอิสมาอิล ซาบรี ในยามนี้นับว่าเป็นการเข้ามานั่งเก้าอี้ที่ร้อนเป็นไฟ ท่ามกลางความท้าทายในการจัดการปัญหาโควิด-19 ตอนนี้มาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อ และมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดในโลก แม้ว่าจะอยู่ในช่วงภาวะฉุกเฉิน 7 เดือน และล็อกดาวน์ตั้งแต่ มิ.ย ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังพุ่งขึ้นสองเท่าเทียบกับเมื่อเดือน มิ.ย. มาอยู่ที่ตัวเลขนิวไฮคือ 23,564 ราย เมื่อวันศุกร์ 20 ส.ค.

...

จนถึงตอนนี้มีชาวมาเลเซียติดเชื้อสะสมกว่า 1.5 ล้านราย เสียชีวิตแล้วเกือบ 14,000 ศพ 

ยิ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นายอิสมาอิล ซาบรี ในฐานะรองนายกฯ จะเป็นคนออกมานั่งแถลงรายวันด้วยตัวเอง เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในคนที่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของรัฐบาลมูห์ยิดดิน ยัสซิน เชื่อว่าฝ่ายค้านก็จะยังคงโจมตีเขาต่อไปในเรื่องนี้   

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการตั้งครม.รอบใหม่นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี จะไม่แตะต้องอะไรมาก คาดว่าจะยังคงรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ไว้ตามเดิม อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ก่อนหน้านี้สมเด็จพระราชาธิบดีได้มีพระดำรัสให้นโยบายด้านการจัดการโควิด-19 ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด ทั้งการบริหารจัดการ โครงการฉีดวัคซีน รวมทั้งแผนฟื้นฟูเยียวยาประชาชนจากโควิด-19 

ยังต้องคอยดูแลปัญหาความสั่นคลอนของบรรดา ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาล และเชื่อว่าปัญหาการเมืองมาเลเซียจะยังเป็นซีรีส์ที่ยังไม่จบ เนื่องจากดูแล้วรัฐบาลนี้ก็ไม่ได้มีเสถียรภาพมากกว่ารัฐบาลของมูห์ยิดดิน ยัสซิน โดยส.ส.กันชน 3 คนใน 114 คนของรัฐบาบอิสมาอิล ซาบรี ยังเป็นความหวังที่ทำให้ฝ่ายค้านคิดถึงโอกาสในการโค่นรัฐบาลและตั้งรัฐบาลใหม่อีกในอนาคต รวมถึงโอกาสที่จะเอาคืนการอภิปรายไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ตามพระดำรัสของสมเด็จพระราชาธิบดี.   

ผู้เขียน เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์

ข้อมูล Aljazeera The Star Bernama WorldOMeter