ทางการออสเตรเลียเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนฉุกเฉินในนครซิดนีย์ หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เชื้อกลายพันธุ์เดลตายังวิกฤติ และยอดติดเชื้อใน 2 รัฐยังพุ่งทำลายสถิติ

รัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันทำสถิติสูงสุดทั้ง 2 รัฐในวันพฤหัสบดี โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีรายงานผู้ติดเชื้อ 681 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในนครซิดนีย์ ทำลายสถิติสูงสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่มีผู้ติดเชื้อ 633 ราย และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1 ศพ เป็นผู้สูงอายุ ส่งผลให้ทางการออสเตรเลียเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนฉุกเฉินในนครซิดนีย์ เพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้เร็วที่สุด

นางเกลดีส์ เบเรจิเคลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่าการฉีดวัคซีนให้เป็นวงกว้างในเมืองใหญ่ของประเทศเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยทำให้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น โดยคาดว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้ สถานการณ์จะเลวร้ายและรุนแรงขึ้นอีก แต่หากมีการฉีดวัคซีนในอัตราที่สูง ก็จะทำให้ผ่านพ้นมันไปได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนให้ประชากรตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ภายในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ปัจจุบันรัฐนิวเซาท์เวลส์สามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรครบโดสแล้วจำนวน 28.5 เปอร์เซ็นต์ และอีก 52 เปอร์เซ็นต์ได้รับวัคซีนไปแล้ว 1 โดส

...


ส่วนในรัฐวิกตอเรีย มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 57 ราย เพิ่มขึ้นเท่าตัว และยังนับเป็นยอดที่สูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนของปีที่แล้ว โดยนายแดเนียล แอนดรูวส์ ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรียระบุว่าผู้ที่ติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่ พบในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการกักตัว

ในเวลานี้ เมืองเมลเบิร์น และรัฐนิวเซาท์เวลส์ทั้งรัฐยังอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์ เพื่อหวังสกัดการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์เดลตา โดยนับเป็นการล็อกดาวน์ครั้งที่ 6 ของเมืองเมลเบิร์นแล้ว โดยยอดติดเชื้อสะสมทั้งประเทศนับตั้งแต่พบการระบาดของโควิด-19 อยู่ที่กว่า 41,400 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 971 ศพ ซึ่งนับว่ายังต่ำกว่าอีกหลายๆ ประเทศ.