ชาวเมียนมาต่อแถวรอกดเงินหน้าตู้เอทีเอ็มตั้งแต่เช้ามืด ขณะที่ประเทศเข้าสู่วิกฤติการเงินครั้งร้ายแรง รัฐบาลทหารโทษการปิดพรมแดนป้องกันโควิดกระทบการค้า
เว็บไซต์ สเตรทไทมส์ รายงานว่า เมียนมาเผชิญกับปัญหาขาดแคลนธนบัตรครั้งรุนแรง โดยมีประชาชนจำนวนมากแห่ออกไปต่อแถวรอกดเงินหน้าตู้เอทีเอ็มตั้งแต่ช่วงเช้ามืด แต่มีตู้เอทีเอ็มน้อยกว่า 100 ตู้ ที่ประชาชนสามารถกดเงินสดได้ ขณะที่ธุรกิจต่างๆ รับชำระค่าบริการด้วยเงินสดเท่านั้น โดยเมียนมาต้องเผชิญกับวิกฤติขาดแคลนธนบัตร หลังจากที่กองทัพเมียนมาได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารจะสุ่มเลือกเติมเงินในตู้เอทีเอ็มเพียงบางตู้ และสามารถถอนเงินได้สูงสุด 120 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,000 บาท ส่วนในพื้นที่ห่างไกล ประชาชนได้ใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินค้าการเกษตรกับอาหาร และบริการทางการแพทย์

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเตือนว่า เมียนมากำลังเข้าสู่วิกฤติทางการเงินครั้งรุนแรงขณะที่เศษฐกิจในประเทศเป็นอัมพาต ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลและสถาบันการเงิน ท่ามกลางการประท้วงการเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลทหารที่ทำให้ธุรกิจร้านค้า รวมถึงธนาคารระงับการให้บริการ ส่วนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีรายงานการตัดระบบอินเทอร์เน็ตในเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบให้ประชาชนไม่สามารถทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้
...
ขณะเดียวกันทางโฆษกรัฐบาลทหารของเมียนมา ระบุว่า วิกฤติทางการเงินนั้นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อการค้า พร้อมทั้งระบุว่าวิกฤติขาดแคลนธนบัตรจะได้รับการแก้ไขในเดือนนี้ ส่วนธนาคารกลางได้พิมพ์ธนบัตรเพิ่ม โดยยืนยันว่าเป็นการพิมพ์ธนบัตรอย่างถูกต้องตามนโยบาย สวนทางกับความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าวิกฤติการเงินในเมียนมามีโอกาศเลวร้ายลงหลังจากนี้.
ที่มา: ST