ความฝันของมนุษย์ไม่เคยหยุดนิ่ง บ้างฝันอยากจะไปท่องอวกาศ บ้างก็ฝันสักวันต้องพิชิตยอดเขา "เอเวอเรสต์" ที่สูงที่สุดในโลกให้ได้ และหนึ่งในความฝันของผู้คนจำนวนไม่น้อย ก็คือ ความฝันอยากจะมีเกาะส่วนตัวสักเกาะ หรือแค่ได้ไปพักผ่อนบนเกาะที่มีชายหาดส่วนตัวก็ยังดี เพื่อขอปลีกวิเวก หามุมสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวาย ผู้คน และมลพิษอย่างที่ประสบกันอยู่ในทุกวันนี้
"เกาะเทียม" หรือเกาะประดิษฐ์ นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง เพื่อหวังประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ ได้กลายเป็นการตอบโจทย์ให้กับความฝันของผู้คนในเรื่องการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ในยุคที่ที่ดินในเมืองใหญ่เศรษฐกิจดี มีราคาแพงยิ่งกว่าทองคำ
และนี่คือ ที่มา ของ "Heart of Europe" (ฮาร์ท ออฟ ยุโรป) หรือ "หัวใจแห่งยุโรป" โครงการอภิมหาโปรเจกต์ ที่เนรมิตเกาะเทียม นอกชายฝั่งของดูไบ นครแห่งแสงสีความศิวิไลซ์ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อหวังที่จะยกระดับการพักผ่อน ให้เป็นปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว ได้มาสัมผัสกลิ่นอายยุโรป ผสมผสานกับชายหาดแบบเมดิเตอร์เรเนียน บนเกาะส่วนตัวที่เงียบสงบ ไร้ซึ่งมลพิษทางเสียง ไม่มีเสียงรถยนต์ เสียงรถจักรยานยนต์มารบกวน

...
กว่าจะมาเป็น "Heart of Europe"
โครงการ Heart of Europe (ฮาร์ท ออฟ ยุโรป) หรือหัวใจแห่งยุโรป ถูกพัฒนาโดยบริษัท ไคลน์ดีนสต์ กรุ๊ป จากออสเตรีย ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าต้องการพัฒนาให้เป็นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยได้นำสิ่งที่ดีที่สุดในยุโรป มาสร้างบนเกาะเทียม 6 เกาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเดอะ เวิลด์
ส่วนที่มาของโครงการเดอะ เวิลด์ หรือ เกาะเดอะ เวิลด์ นั้น เป็นหมู่เกาะเทียม ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยนับ 300 เกาะ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งดูไบแค่เพียง 2 ไมล์ หรือประมาณ 4 กิโลเมตร
แรกเริ่มเดิมทีเจ้าของความคิดสร้างสรรค์ในโปรเจกต์หมู่เกาะเทียม เดอะ เวิลด์นี้ คือ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิค อัลมักตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ หนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ซี่งยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิค อัล มักตูม ทรงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดูไบ โฮลดิง และเครือโรงแรมจูเมราห์กรุ๊ป อีกทั้งเป็นเจ้าของ "เบิร์จ อัลอาหรับ" โรงแรมสุดหรูหราและสูงที่สุดในโลกในดูไบ และยังทรงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดูไบเวิลด์ เจ้าของโครงการหมู่เกาะต้นปาล์ม นอกชายฝั่งนครดูไบอีกด้วย
สำหรับบริษัทที่พัฒนา "เดอะ เวิลด์" คือ บริษัท นาคีล (Nakheel) พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างเกาะเทียม 300 เกาะ ในรูปทรง แผนที่โลก อย่างหยาบๆ ในน่านน้ำอ่าวเปอร์เซีย นอกชายฝั่งนครดูไบ ในปี 2546 แต่แล้ว โครงการอภิมหาโปรเจกต์ถมทะเลสร้างเกาะเทียม เพื่อการท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจนอกชายฝั่งดูไบก็ต้องหยุดชะงักลง และถูกปล่อยทิ้งร้าง นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลกในปี 2541 ทำให้บรรดานักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลกให้ความสนใจลดลง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเศรษฐกิจโลกพอฟื้นตัวดีขึ้น เกาะต่างๆ ในโครงการเดอะ เวิลด์ ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้ถูกขายไปให้แก่ผู้รับเหมาเอกชนแล้ว และบริษัท ไคลน์ดีนสต์ กรุ๊ป จากออสเตรีย ได้มาซื้อเกาะ 6 เกาะในโครงการเดอะ เวิลด์ และได้เปิดตัวโครงการ ฮาร์ท ออฟ ยุโรป หรือหัวใจแห่งยุโรป ในปี 2557

สร้างโรงแรมเชิงนวัตกรรม ชายหาดที่มีกลิ่นอายเหมือนยุโรป
โครงการ "Heart of Europe" (ฮาร์ท ออฟ ยุโรป) เป็นโครงการอภิมหาโปรเจกต์ มูลค่านับ 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.5 แสนล้านบาท มีแนวคิดและมีการใช้นวัตกรรมในการสร้างสถาปัตยกรรม ต่างๆ บนเกาะเทียม โดยชูธงตั้งเป้าเพื่อหวังพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาพักผ่อนจะไม่มีมลพิษทางเสียงใดๆ รบกวน ในขณะที่บนเกาะเทียมเหล่านี้ มีการปลูกต้นไม้หลายแสนต้น และไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง
สำหรับคอนเซปต์-แนวคิดแบบบรรเจิดสุดๆ ของโครงการ "Heart of Europe" คือ การนำสิ่งที่ดีที่สุดในยุโรปมาอยู่ที่ดูไบ เพื่อหวังให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและสัมผัสกลิ่นอายเสน่ห์ของยุโรปกันได้ตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นในด้านวัฒนธรรม อาหาร โรงแรม รีสอร์ต ร้านกาแฟ ผับบาร์ และสถานบันเทิง

...
ในขณะที่ ธีมของเกาะทั้ง 6 ในโครงการ "Heart of Europe" นั้น ทางโครงการมีการสร้างโรงแรม รีสอร์ตเชิงนวัตกรรม 15 แห่งบนเกาะต่างๆ ทั้ง 6 เกาะ โดยลอกเลียนสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้าง ให้เหมือนกับในสวีเดน เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เวนิส (อิตาลี) โกตดาซูร์ (The Cote d'Azure) หรือ รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า เฟรนช์ริเวียรา ซึ่งทันทีที่นักท่องเที่ยวมาถึงแล้ว ก็สามารถจะเลือกได้ว่าอยากจะพักในสถานที่ที่ต้องการแบบไหน
ชูนวัตกรรมสถาปัตยกรรม-หวังพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
การระบาดใหญ่ทั่วโลกของโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 อาจจะหยุดการดำเนินธุรกิจมากมายหลายอย่างบนแผ่นดินใหญ่ แต่ไม่หยุดยั้งการเดินหน้าทำงานในโครงการ "Heart of Europe" ที่สามารถดำเนินต่อไป
ในขณะที่การพัฒนาในโครงการ "Heart of Europe" คือ จะเสนอสิ่งที่น่าประทับใจครั้งแรกระดับโลก อย่างเช่น โรงแรมใต้น้ำแห่งแรก ที่มีห้องยิมสำหรับออกกำลังกายและสปา, โรงแรมสำหรับการจัดงานแต่งงานโดยเฉพาะแห่งแรก โดยตั้งชื่อว่า "St.Empress EliZabeth" บนเกาะฮันนีมูนรูปหัวใจ ซึ่งคู่แต่งงานใหม่สามารถพักผ่อนบนชายหาดที่ออกแบบให้สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างสวยงาม, ถนนที่มีฝนเทียมแห่งแรก, การมีประสบการณ์มีชีวิตใต้น้ำและวิลลาลอยน้ำครั้งแรก และลานหิมะกลางแจ้งแห่งแรกของโลก
เฟสแรกของการเปิดโครงการ ประกอบด้วย "สวีเดน บีช พาเลซ", เยอรมนีวิลล่า, เกาะฮันนีมูน, รีสอร์ตเมืองพอตโตฟิโน่ เมืองชายทะเลเล็ก ที่แสนสวยงามทางตะวันตกของอิตาลี และรีสอร์ตโกตดาซูร์ หรือ เฟรนช์ริเวียรา ที่เป็นชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส รวมไปถึงโมนาโก

...
มุ่งมั่นรักษาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นบริษัท ไคลน์ดีนสต์ ยังมีความพยายามที่จะอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วยเพื่อต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยได้สร้าง Coral Institute ที่รีสอร์ตพอตโตฟิโน่ ซึ่งมีทั้งอควอเรียมและตู้กระจกหลายตู้ในโครงการเพาะพันธุ์สัตว์ทะเลท้องถิ่น 50 ชนิด รวมทั้ง ฉลามพรม ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ไปจนถึงการรักษาและฟื้นฟูปะการัง การดูแลระบบนิเวศทางทะเล และช่วยการปรับสมดุลของสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล
เรียกว่า โครงการ "Heart of Europe" เป็นโครงการอภิมหาโปรเจกต์ ที่มีแนวคิดสุดบรรเจิด "ดาวล้านดวง" ที่ต้องการจะยกระดับการท่องเที่ยวพักผ่อนขึ้นไปอีกขั้น ชนิดที่ไม่สามารถอธิบายบรรยายอย่างละเอียดได้หมด โดยขณะนี้ ทุกฝ่ายของบริษัทกำลังเร่งดำเนินการเพื่อต้องการจะให้โครงการเฟสแรกเสร็จสมบูรณ์ จนสามารถเปิดโครงการที่เลื่อนจากปลายปีที่แล้ว มาเป็นเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้.
ขอบคุณภาพ : facebook The Heart of Europe