อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 54,500 รายในวันเดียวเป็นครั้งแรก แซงหน้าประเทศอินเดีย กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ในเอเชียแล้ว

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ถึง 54,517 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 2564 ทำลายสถิติสูงสุดของประเทศซึ่งมีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลกแห่งนี้ และพบผู้เสียชีวิตอีก 991 ศพ รวมทั้งหมดเป็น 69,210 ศพ

ตัวเลขดังกล่าวทำให้อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวแซงหน้าประเทศอินเดียแล้ว ทำให้พวกเขากลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ในเอเชีย แต่สถานการณ์จริงอาจเลวร้ายกว่าที่ตัวเลขแสดงออกมา เนื่องจากมีผู้เข้ารับการตรวจโรคน้อย และผลสำรวจของทางการกรุงจาการ์ตาที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ ชี้ว่า ประชากรกว่า 5 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของเมืองหลวงแห่งนี้ อาจติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ซึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอินโดนีเซียตอนนี้ อาจเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไม่ใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด รวมทั้งไม่มีระบบตอบรอยโรคที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ โดยนาย บูดี กูนาดี ซิดิคิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยอมรับว่า ตอนแรกทางการไม่รู้ว่าไวรัสแพร่กระจายได้รวดเร็วเพียงใดในการระบาดระลอกล่าสุด

...

การระบาดระลอกล่าสุดซึ่งผลักดันโดยไวรัสสายพันธ์ุเดลตา ยังเสี่ยงทำให้ระบบสาธารณสุขของอินโดนีเซียพังทลาย โดยสำนักข่าว อันทารา รายงานว่า เตียงของโรงพยาบาลในอินโดนีเซีย ซึ่งมีมากกว่า 120,000 เตียง ตอนนี้เต็มไปแล้วกว่า 90,000 เตียง ขณะที่ราคาออกซิเจนพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน เพราะเกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก ถึงขั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 60 ศพที่ศูนย์พยาบาลแห่งหนึ่งในเกาะชวา เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม

โครงการฉีดวัคซีนของอินโดนีเซียยังประสบปัญหาความล่าช้า โดยจนถึงตอนนี้มีประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเพียง 5.5% โดยในกรุงจาการ์ตามีผู้ได้รับวัคซีนครบเพียง 18% จากประชากรทั้งหมด 10.6 ล้านคน

ทั้งนี้ ในปัจจุบันอินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 2,726,803 ราย ส่วนอินเดียอยู่ที่ 30.987 ล้านราย อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในแดนภารตะลดลงอย่างมาก จากกว่า 4 แสนรายในเดือนเมษายน-พฤษภาคม เหลือเพียงประมาณ 40,000 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา