นักวิชาการหลายคนออกมาโจมตีสหภาพยุโรป ที่มีนโยบายไม่ให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ยี่ห้อที่พวกเขาไม่ได้รับรองเดินทางเข้าดินแดน ชี้เป็นการเลือกปฏิบัติ ทำลายความเชื่อมั่น

สำนักข่าว เอพี รายงานในวันที่ 14 ก.ค. 2564 ว่า สหภาพยุโรปกำลังถูกผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาโจมตีอย่างหนัก ที่มีนโยบายไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 หรือได้รับวัคซีนแล้ว แต่ไม่ใช่ยี่ห้อที่พวกเขายอมรับ เดินทางเข้าไปในดินแดนของพวกเขา

เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นขึ้นมาหลังเกิดกรณีของ ดร.อิเฟียนยี เอ็นโซฟอร์ ชาวไนจีเรีย กับภรรยาและลูกๆ ถูกปฏิเสธไม่ให้เดินทางเข้าประเทศในสหภาพยุโรป แม้ว่าพวกเขาจะได้รับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว เนื่องจากพวกเขาได้รับวัคซีนแอสตราเซเนการุ่นที่ผลิตในอินเดีย หรือ ‘โควิชีลด์’ (Covishield) ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับ แต่สหภาพยุโรปไม่รับรอง

ปัจจุบัน สหภาพยุโรปให้การรับรองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทั้งหมด 4 ยี่ห้อคือ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ แอสตราเซเนกาที่ผลิตในยุโรป โดย EU ให้เหตุผลว่า เหตุที่ไม่รับรองวัคซีนโควิชีลด์ เพราะบริษัท แอสตราเซเนกา ยังไม่ได้ยื่นเอกสารที่จำเป็นเกี่ยวกับโรงงานในอินเดีย รวมถึงรายละเอียดวิธีการผลิตและมาตรการควบคุมคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปแต่ละประเทศสามารถออกกฎได้เองว่าจะรับใครเข้ามา ซึ่งหลายประเทศรวมถึง เบลเยียม, เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ยอมให้ผู้ได้รับวัคซีนนอกเหนือจาก 4 ยี่ห้อดังกล่าวครบ 2 โดส เข้าประเทศ แต่ชาติอื่นๆ อย่างฝรั่งเศส และอิตาลี ไม่อนุญาต สร้างความสับสนแก่นักเดินทางอย่างมาก

...

ดร.เอ็นโซฟอร์ กล่าวว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในอินเดียนั้น ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก และถูกกระจายไปทั่วโลกผ่านโครงการ ‘โคแวกซ์’ WHO ยังเคยเดินทางมายังโรงงานผลิตของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย และรับรองว่าพวกเขามีกระบวนการผลิตที่ดี และมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ตรงตามหลักเกณฑ์

“เราขอบคุณ EU ที่สนับสนุนเงินทุนแก่ โคแวกซ์ แต่ตอนนี้พวกเขากลับกีดกันวัคซีนที่พวกเขาเป็นผู้ให้ทุนและสนับสนุน” ดร.เอ็นโซฟอร์กล่าว “นี่เป็นเพียงการเปิดช่องให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดว่า วัคซีนที่เราได้มาในแอฟริกาไม่ดีเท่าที่พวกเขาเก็บไว้ใช้เองในชาติตะวันตก”

ด้าน ศาสตราจารย์ อีโว วลาเยฟ จากมหาวิทยาลัยวอร์วิกค์ ในอังกฤษ เห็นด้วยกับ ดร.เอ็นโซฟอร์ว่า การที่ชาติตะวันตกไม่ยอมรับวัคซีนที่ชาติรายได้น้อยกำลังใช้อยู่นั้น ยิ่งโหมกระพือความไม่เชื่อมั่นในวัคซีน และอาจทำให้ประชาชนเชื่อถือในคำพูดของรัฐบาลน้อยลง ถึงขั้นไม่ยอมทำตามกฎการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วน ดร. เมสฟิน เทคลู เทสซีมา ผู้อำนวยการด้านสุขภาพของคณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศ (International Rescue Committee : IRC) กล่าวว่า ประเทศที่ปฏิเสธที่จะยอมรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก กำลังกระทำการที่ขัดต่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

ขณะที่องค์การอนามัยโลกเรียกร้องมาตลอด ให้ประเทศต่างๆ ยอมรับวัคซีนทุกยี่ห้อที่พวกเขาให้การรับรอง รวมถึงวัคซีนจากจีน 2 ชนิดได้แก่ ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ประเทศที่ปฏิเสธที่จะทำตาม กำลังบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในวัคซีนช่วยชีวิตที่แสดงให้เห็นแล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ, กระทบต่อการใช้วัคซีน และอาจทำให้คนนับพันล้านตกอยู่ในความเสี่ยง