สิ่งที่เจ้าสัวตระกูลดังๆยุคนี้หวาดกลัวที่สุด คือความร่ำรวยจะอยู่ได้ไม่ถึงสามรุ่น เพราะการสอนให้ลูกหลานทายาทเศรษฐี รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่ผลาญสมบัติพ่อแม่จนหมดในพริบตา ทั้งๆที่มีเงินทองมหาศาลกองอยู่ตรงหน้า คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!! ก็อย่างที่เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเมริกา “แอนดรูว์ คาร์เนกี” กล่าวไว้นั่นล่ะ “พ่อแม่ที่ให้สมบัติมากมายแก่ลูก เป็นการผลาญพลังและความสามารถของลูก ถ้าไม่ให้สมบัติเหล่านั้นเลย จะส่งเสริมโอกาสให้ลูกรู้จักดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและเป็นประโยชน์”
เอาเป็นว่าถ้าอยากให้ลูกได้ดีรู้จักต่อยอดความรวยของพ่อแม่ แทนที่จะเป็น “ลูกเทวดา” ทำอะไรไม่เป็น ต้องดูตัวอย่างจากพ่อแม่มหาเศรษฐีโลก ที่ถ่ายทอดวิชาเศรษฐีให้ลูกหลานมาตั้งแต่เด็ก “บิล เกตส์” บิลเลียนแนร์อันดับต้นๆของโลก พูดเสมอว่า เคล็ดลับความสำเร็จของเขาอยู่ที่ “หนังสือและความใฝ่รู้” บิลได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่ตั้งแต่เด็กให้มีนิสัยรักการอ่านและชอบค้นคว้าหาความรู้ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์เล่าว่า พ่อแม่ผมเลี้ยงผมด้วยการกระตุ้นให้อ่านและคิดในหัวข้อหลากหลาย พวกเราจะอภิปรายสิ่งต่างๆในหนังสือร่วมกัน ไม่เว้นเรื่องการเมือง และเพื่อให้ลูกๆมีสมาธิในการอ่านหนังสือ พ่อแม่ของเขาจะไม่อนุญาตให้ดูโทรทัศน์เลยในช่วงวันธรรมดา แต่ให้ดูเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ บิลจึงโตมาแบบไม่ติดทีวีเหมือนเด็กอเมริกัน ทว่า มีงานอดิเรกคือเล่นเกมแข่งขันชิงไหวชิงพริบในครอบครัว และอ่านสารานุกรมกับอัตชีวประวัติคนดังๆ
“ก่อนวันเกิดอายุ 20 ปี จะต้องเป็นมหาเศรษฐีให้ได้” นี่คือความใฝ่ฝันวัยเยาว์ของบิล
ตอนอายุ 13 ปี “บิล เกตส์” เริ่มเรียนรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเองจนชำนาญ และฉายแววอัจฉริยะโดดเด่นตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย กระทั่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาเบนเข็มจากการเรียนนิติศาสตร์เพื่อเป็นทนายตามพ่อ หันมาทุ่มเทให้กับคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งถนัด ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากฮาร์วาร์ดกลางคัน เพื่อมาร่วมกับ “พอล อัลเลน” ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ โดยภายหลังได้นักบริหารมือดีอย่าง “สตีฟ บอลเมอร์” มาช่วยเสริมทัพ เปลี่ยนโฉมบริษัทไฮเทคขนาดเล็กให้เป็นบริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่ การลาออกกลางคันของบิลได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ ที่เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของลูกชายคนโต เรียกว่าเขาคงมาไกลถึงวันนี้ไม่ได้หากขาดการนำทางของบิดา “วิลเลียม เกตส์” ผู้เป็นกุนซือสำคัญในทุกย่างก้าวของชีวิต
...
อันที่จริงพ่อแม่ของ “บิล เกตส์” ก็มีชื่อเสียงไม่น้อยหน้าลูกชาย โดยบิดาคือ “วิลเลียม เกตส์” หรือ “บิล เกตส์ ซีเนียร์” เป็นทนายความดังและเจ้าของสำนักกฎหมายใหญ่ในเมืองซีแอตเติล ส่วนมารดา “แมรี แมกซ์เวลล์ เกตส์” เป็นลูกสาวนายธนาคารและนักการเมืองท้องถิ่น เคยทำงานเป็นอาจารย์ ก่อนจะลาออกมาทำงานการกุศล
คุณปู่ของบิลเองก็มีฐานะล่ำซำ สืบทอดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์จากบรรพบุรุษ กระนั้น สมัยเด็กๆปู่เล่าให้ฟังว่าต้องไปส่งหนังสือพิมพ์ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ทำให้มักเผลอหลับคาห้องเรียนเสมอ ด้วยความไม่รักเรียน จึงลาออกก่อนจบมัธยมต้น เพื่อมาสานต่อกิจการร้านเฟอร์นิเจอร์ของครอบครัว เนื่องจากในวัยเด็กมีโอกาสเรียนน้อย เมื่อมีลูกจึงตัดสินใจส่งลูกชายเข้าเรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด กระทั่งได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สำเร็จการศึกษาด้านนิติศาสตร์ สร้างชื่อเสียงในฐานะทนายความมือดี และเจ้าของสำนักกฎหมายใหญ่แห่งเมืองซีแอตเติล ภายหลังเกตส์ผู้พ่อได้รีไทร์จากอาชีพทนาย และเข้ามาช่วยบริหารงานในมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ กระทั่งถึงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต
ทุกครั้งที่คนถามว่า “ฮีโร่ของคุณคือใคร” เจ้าพ่อไมโครซอฟท์มักตอบอย่างภูมิใจว่า คุณพ่อคุณแม่!! แม้ความฉลาดจะถ่ายทอดได้ทางกรรมพันธุ์ แต่ความใฝ่รู้และรับผิดชอบต่อสังคม ล้วนเกิดจากการปลูกฝังของพ่อแม่ หากบ้านไหนลูกไม่เอาถ่านดีแต่สร้างปัญหา ก็อย่าโทษเด็กเลย เพราะพ่อแม่เลี้ยงลูกให้เป็นปีศาจเอง!!
มิสแซฟไฟร์