ตัดทิ้งเรื่องดราม่ารายวันไปได้เลย ทันทีที่ “โจ ไบเดน” เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2021 คุณปู่ก็ไล่ทำตามนโยบายที่สัญญิงสัญญาไว้ตอนหาเสียงจนผลงานโดดเด่นทะลุเป้า สะท้อนภาวะผู้นำที่พูดจริงทำจริงกล้าตัดสินใจ ไม่โลเลเปลี่ยนใจไปมา หรือเอาแต่ตัดพ้อน้อยอกน้อยใจ

เป้าหมายแรกที่ทำได้สำเร็จน่าชื่นชมคือ “การฉีดวัคซีนให้ประชาชน 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกของการทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ” คุณปู่สามารถทำได้ตามเป้าหมายก่อนกำหนดที่ตั้งไว้ 40 วัน และฉีดครบ 200 ล้านโดส เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เร็วกว่ากรอบเวลาใหม่ตั้งไว้ถึง 1 สัปดาห์ ได้ใจอเมริกันชนไปเต็มๆ ในขณะที่หลายๆประเทศยังทะเลาะกันไม่เสร็จเรื่องการจัดสรรวัคซีน

อีกหนึ่งคำมั่นสัญญาที่สุภาพบุรุษแห่งทำเนียบขาวให้คำมั่นไว้และทำตามทันที ยังรวมถึง “การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19” คุณปู่เร่งสปีดตั้งแต่ก่อนเข้าพิธีสาบานตน นำเสนอสภาคองเกรสให้อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ มูลค่าถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้แผน “American Rescue Plan” รัฐบาลไบเดนได้ส่งเช็คเงินสดวงเงินสูงสุด 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 44,800 บาท) ให้ประชาชนไปแล้วมากกว่า 160 ล้านคน พร้อมขยายเวลาให้คนว่างงานไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค.นี้ เพื่อช่วยเหลือคนตกงานระยะยาว ที่มีอยู่ 11 ล้านคน ขณะที่พ่อแม่ของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือนเป็นเวลา 1 ปีเต็ม นอกจากนี้ ยังเพิ่มเงินสนับสนุนการเข้าถึงการคุ้มครองในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประชาชน เงินก้อนใหญ่ยังถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยเหลือธุรกิจรายย่อยและอุตสาหกรรมต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมจัดสรรงบช่วยเหลือโรงเรียนและมหาวิทยาลัยให้กลับมาเปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้ง งานนี้มีการกันเงิน 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโครงการตรวจและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

...

“การแก้ปัญหาเหยียดเชื้อชาติและส่งเสริมความเท่าเทียม” ก็เป็นนโยบายสำคัญหนึ่งของ “โจ ไบเดน” ที่ทำให้ชนะใจประชาชน นอกจากจะเลือก ส.ว.หญิงเชื้อสายอินเดียจากรัฐแคลิฟอร์เนีย “คามาลา แฮร์ริส” เป็นรองประธานาธิบดี คุณปู่ยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ทำเนียบขาว ด้วยการตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีความหลากหลายทางเพศและเชื้อชาติมากที่สุด นั่งทำเนียบขาวปั๊บก็ยกเลิกคำสั่งแบนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามบุคคลข้ามเพศเข้าเป็นทหารในกองทัพทันที เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ

“กู้วิกฤติศรัทธา ทวงความเป็นผู้นำโลก แก้ปัญหาโลกร้อน” ประธานาธิบดีหัวใจสีเขียวทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ด้วยการลุกขึ้นเป็นโต้โผจัดการประชุมสุดยอดผู้นำด้านปัญหาสภาพภูมิอากาศ ภายใน 100 วันแรกของการทำงาน โดยในเวทีดังกล่าว คุณปู่ประกาศโรดแม็ปเป็นเรื่องเป็นราวว่า สหรัฐฯจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50-52% ภายในปี 2030 ถือเป็นความท้าทายใหญ่สำหรับชาวอเมริกัน เพราะหากจะทำให้ได้ตามเป้าหมายสุดหิน ต้องเลิกการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า และเปลี่ยนอุตสาหกรรมรถยนต์จากน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทรัมป์ประกาศถอนตัวในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง โดยอ้างว่าไม่เป็นธรรมกับชาวอเมริกัน เล่นเอาป่วนไปทั้งโลก

สัญญาต้องเป็นสัญญา ลูกผู้ชายตัวจริงรับปากอะไรไว้ต้องทำให้ได้!!

มิสแซฟไฟร์