เด็กไต้หวันวัย 7 ขวบ ซึ่งถูกโค้ชและเพื่อนร่วมชั้นจับทุ่มถึง 27 ครั้งในชั้นเรียนยูโด เสียชีวิตแล้ว หลังจากนอนโคม่าและต้องใช้เครื่องพยุงชีพมานานเกือบ 70 วัน

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เด็กชายชาวไต้หวันวัย 7 ขวบ ซึ่งถูกโค้ชและเพื่อนนักเรียนในชั้นเรียนยูโด จับทุ่มลงกับพื้นอย่างต่อเนื่องถึง 27 ครั้ง จนเกิดอาการเลือดออกในสมองและอยู่ในอาการโคม่า เสียชีวิตแล้ว ในวันอังคารที่ 29 มิ.ย. 2564 ที่โรงพยาบาลเฟิ่งหยวน

แพทย์ของโรงพยาบาลประกาศในเวลา 21:00 น. ว่า ความดันโลหิตกับอัตราการเต้นหัวใจของเด็กชายลงต่ำลง และหลังจากที่หมอหารือกับพ่อแม่ของเด็กแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจถอดเครื่องพยุงชีพออก

เหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ลุงของเด็กชายวัย 7 ขวบผู้นี้ พาเขาไปเรียนยูโด พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อเป็นหลักฐานให้แม่เด็กดูว่า กีฬาชนิดนี้อาจไม่เหมาะกับลูกชายของเธอ

คลิปวิดีโอบันทึกภาพเด็กชายถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่โตกว่า จับทุ่มลงกับพื้นหลายครั้งระหว่างการฝึกซ้อม ถึงขั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมา แต่โค้ชซึ่งมีอายุในช่วง 60 ปลาย สั่งให้เด็กลุกขึ้นมา แล้วบอกให้นักเรียนคนอื่นจับเขาทุ่มต่อ จนกระทั่งเด็กวัย 7 ขวบหมดสติไป แต่โค้ชยังกล่าวหาเด็กว่า แกล้งสลบ

หลังจากคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกมา มีหลายคนตั้งคำถามว่าเหตุใดผู้เป็นลุงจึงไม่เข้าไประงับเหตุ แต่ผู้เชี่ยวชาญในไต้หวันระบุว่า ไต้หวันมีความเชื่อเรื่อง การให้ความเคารพยำเกรงต่อครูอาจารย์ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานาน ซึ่งบางครั้งก็หมายความว่า ต้องยอมรับในอำนาจของครูไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ด้านแม่เด็กยืนยันว่า ผู้เป็นลุงรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก

...

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบในภายหลังว่า โค้ชแซ่ โฮ รายนี้ไม่มีใบอนุญาตเป็นครู โดยเขาถูกฟ้องร้องในข้อหา ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และบังคับผู้เยาว์ให้ก่ออาชญากรรม ก่อนจะประกันตัวออกไปด้วยวงเงิน 100,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

แต่การเสียชีวิตของเด็กชาย ทำให้หลังจากนี้อัยการจะฟ้องร้องนายโฮในข้อหา ทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง นายโฮจะถูกจำคุกอย่างต่ำ 7 ปี ไปจนถึงตลอดชีวิต