สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีการเคลื่อนไหวที่ยากจะเกิดขึ้น ลงมติประณาม และเรียกร้องให้คว่ำบาตร หยุดขายอาวุธให้แก่รัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อตอบโต้กองทัพเมียนมา นำโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตั้งแต่เมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
นอกจากนั้นที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของยูเอ็น ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาฟื้นฟูกระบวนการส่งมอบประชาธิปไตยในประเทศและปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี)

สำหรับการลงมติของสมัชชาใหญ่ของยูเอ็นซึ่งมีสมาชิก 193 ประเทศ มีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มิ.ย.(ตามเวลาท้องถิ่น)ในนิวยอร์ก โดยมีชาติสมาชิก ได้ลงมติผ่านข้อเรียกร้องเหล่านี้ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 119 คัดค้าน 1 คือเบลารุส และงดออกเสียง 36 ประเทศ รวมทั้งรัสเซีย และจีน ซึ่งเป็นสองชาติขายอาวุธรายใหญ่ให้แก่กองทัพเมียนมา ในขณะที่ประเทศอื่นๆที่งดออกเสียงอ้างเหตุผลว่าเรื่องนี้เป็นกิจการภายในของประเทศเมียนมา
...

คริสทีน เชรเนอร์ เบอร์เจเนอร์ ทูตพิเศษของยูเอ็นด้านกิจการเมียนมากล่าวว่า ความเสี่ยงของการเกิดสงครามกลางเมืองขนาดใหญ่ในเมียนมาเป็นเรื่องจริง ‘เวลาเป็นของสำคัญ โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงการยึดอำนาจโดยทหารกำลังแคบลง’ ทูตพิเศษของยูเอ็นด้านกิจการเมียนมากล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นด้วยความกังวลถึงสถานการณ์ในประเทศเมียนมา
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารและจับกุมนางซูจีเมื่อ 1 ก.พ. นั้น ชาวเมียนมาได้ออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านเรียกร้องให้กองทัพคืนประชาธิปไตยและปล่อยตัวนางซูจี ทว่ากองทัพเมียนมาได้ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมจนนำไปสู่การนองเลือดในเมียนมา มีผู้ประท้วงเสียชีวิตหลายร้อยศพแล้ว
ที่มา : The Guardian, BBC