เรือสินค้าซึ่งเกิดไฟไหม้เมื่อปลายเดือน พ.ค. และทำให้ศรีลังกาต้องเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ที่สุด กำลังจะจมลงก้นทะเล พร้อมกับน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 350 ตัน
สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เรือสินค้า ‘เอ็มวี เอ็กซ์-เพรส เพิร์ล’ ซึ่งบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสารเคมีและพลาสติกถึง 1,486 ตู้ ถูกไฟไหม้เป็นเวลานานถึง 13 วัน ที่นอกชายฝั่งกรุงโคลอมโบ ประเทศรีลังกา ขณะรอเข้าเทียบท่า และเจ้าหน้าที่เพิ่มควบคุมเพลิงได้เมื่อวันอังคารที่ 1 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์นี้ทำให้ตู้สินค้าเสียหายเกือบทั้งหมด และมีตู้บรรจุเม็ดพลาสติกอย่างน้อย 8 ตู้ตกสู่ทะเล ทำให้เม็ดพลาสติกจำนวนมหาศาลลอยขึ้นฝั่งศรีลังกา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ คนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังเก็บกวาดไม่หมด นอกจากนั้นทะเลแถบนี้ยังมีป่าชายเลน แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และแหล่งประมง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบไปด้วย

...
ไม่เพียงเท่านั้น ในวันพุธเจ้าหน้าที่พบว่าเรือความยาว 186 ม. น้ำหนัก 31,600 ตันลำนี้กำลังจะจมลงสู่ก้นทะเล โดยส่วนท้ายเรือจมแตะก้นทะเลใกล้เมืองปามูนูกามา ทางเหนือของกรุงโคลอมโบ ซึ่งมีความลึกเพียง 22 ม. ไปแล้ว ขณะที่ส่วนหัวเรือยังลอยอยู่ ทำให้ความพยายามลากเรือไปเขตน้ำลึกต้องหยุดชะงัก
บนเรือลำนี้ยังมีน้ำมันเตาชนิดหนัก (heavy fuel oil) อีกถึง 297 ตัน และน้ำมันดีเซลสำหรับเดินเรือ (marine fuel oil) อีก 51 ตัน ทำให้เกิดความกังวลว่ามันจะรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย และทำให้เกิดหายนะต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม นายแดน กูนาเซเครา ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ เชื่อว่า นักประดาน้ำจะสามารถใช้ปั๊มดูน้ำมันทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย เพราะเรือเพิ่งมีอายุเพียง 3 เดือน ระบบต่างๆ ยังคงดีอยู่ ด้านนาย เดอ ซิลวา กล่าวว่า เรือของหน่วยยามฝั่งอินเดียมาประจำการพร้อมอุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อรับมือกรณีเกิดน้ำมันรั่วไหลแล้ว

ทั้งนี้ ปัญหาเม็ดพลาสติกที่ตกสู่ทะเลส่งผลให้การทำประมงในน่านน้ำแถบนี้ถูกระงับชั่วคราวไปแล้ว กระทบการใช้ชีวิตของชาวประมงอย่างน้อย 4,500 คน ขณะที่หน่วยงานป้องกันสิ่งแวดล้อมทางทะเลของศรีลังกาเตือนก่อนหน้านี้ว่า นี่อาจเป็นหายนะทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ