เหมันตฤดู สหรัฐฯและประเทศที่มีฤดูหนาวรุนแรงโดนโควิด-19 โจมตีหนัก พอผ่านฤดูหนาว เข้าใบไม้ผลิและฤดูร้อน สถานการณ์ก็เบาลง ประกอบกับการฉีดวัคซีนเริ่มครอบคลุมประชากร ทุกอย่างจึงเริ่มดีขึ้น เศรษฐกิจกลับมาดีเหมือนก่อน ค.ศ.2019 ไม่ว่าที่สหรัฐฯหรือจีน

แต่พอสบายตัวก็เริ่มกลับมาซัดกัดกัน สื่อจีนโจมตีสหรัฐฯเรื่องกักตุนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไว้มากถึง 2.6 พันล้านโดส ทั้งที่ตัวเองมีประชากรแค่ 330 ล้านคน พอโดนแฉ สหรัฐฯก็ต้องคายวัคซีนออกมาในรูปของการบริจาคหลายสิบล้านโดส

ส่วนสหรัฐฯก็โจมตีจีนกับรัสเซียว่า ทั้งสองมีพฤติกรรมใช้ “การทูตวัคซีน” สร้างอิทธิพลโดยผ่านโครงการช่วยเหลือด้านวัคซีน รัสเซียเฉย แต่จีนออกมาสนทนาเฮฮาร่าเริงว่า อั๊วส่งวัคซีนไปให้แล้ว 50 ประเทศ อั๊วมีโครงการจะส่งไปให้ทั้งหมด 80 ประเทศ แถม อั๊วยังมีข้อตกลงร่วมผลิตวัคซีนจีนในประเทศกำลังพัฒนาอีก 10 แห่ง อั๊วทำแบบนี้มีแต่เรื่องดี ไม่เห็นเสียหายอย่างที่ลื้อว่าตรงไหนเลย

มหาอำนาจกลับสู่โหมดการแย่งชิงมิตรประเทศเหมือนอย่างที่เคยทำในสมัยสงครามเย็น สมัยนั้น มหาอำนาจใช้ “ความช่วยเหลือ” เป็นเงื่อนไข สมัยนี้ใช้เรื่องการบริหาร “วัคซีนป้องกันโควิด-19” เอามาด่ากัน

หลังจากทั้งโลกหายปวดหัวตัวร้อนและสร่างไข้แล้ว ใครจะคบกับใคร ก็คงจะดูว่าตอนที่มีโควิดระบาด ประเทศไหนชาติใดยื่นมือเข้ามาช่วยตนบ้าง ถ้ามองในแง่นี้ จีนได้เปรียบสหรัฐฯ เพราะขณะที่สหรัฐฯโดนข้อหาว่า “กักตุนวัคซีน” แต่จีนกลับ “กระจายวัคซีน” ไปช่วยเหลือทั่วโลก

สหรัฐฯและพันธมิตรเร่งชุมนุมสุมหัวโจมตีจีน โจมตีว่าวัคซีนจีนไม่ได้มาตรฐาน ใครฉีดวัคซีนจีนก็จะประสบพบความยุ่งยากในการเข้าแผ่นดินสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ตอนนี้พวกมหาอำนาจกลับมาทะเลาะกันโดยใช้กระสุนจิตวิทยายิงใส่กันตูมตาม เพื่อด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม

...

อินเดียประเทศใหญ่ ตกขบวนรถไฟการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม อินเดียคงต้องใช้เวลาอีกนานในการที่จะตามสหรัฐฯและจีน ได้ทัน ขณะที่สหรัฐฯกับจีนกำลังพูดถึงการลงทุนเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจ ฟื้นคืนกลับมาอย่างไวที่สุด อินเดียกลับกำลังต่อสู้กับโรคเชื้อราดำด้วยความเศร้าโศกสลดกับการล้มหายตายจากของพลเมืองที่มีมากกว่าวันละ 4,000 คน

เงินบันดาลอะไรก็ได้ ขณะที่พลเมืองของประเทศกำลังพัฒนาคอยวัคซีนเข็มแรกด้วยความหวัง ทว่าประชาชนของประเทศรวยกลับเตรียมฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทานหลังจากที่ได้ ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ตัวอย่างเศรษฐีมีสตางค์ก็เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน ที่ได้รับโครงการ Vaccine Booster หรือฉีดวัคซีนกระตุ้นจากบริษัทซิโนฟาร์มของจีน

โควิด-19 ระบาดครั้งนี้เป็นการล้างความสำเร็จและความล้มเหลวในอดีต ทุกประเทศจะมาต้องวิ่งแข่งกันรอบใหม่ เมื่อกรรมการยิงปืนดัง “ปัง!” บางประเทศก็ออกตัววิ่งได้ทันที บาง ประเทศยังนั่งมัดเชือกรองเท้าอยู่ บางประเทศเพิ่งจะเดินทางมาถึงและกำลังจะเข้าไปในสนาม

วิกฤติโควิด-19 พิสูจน์กึ๋นผู้บริหารประเทศ ประเทศอย่างไทย ไต้หวันและสิงคโปร์เป็นม้าตีนต้น ป้องกันการระบาดได้ดีในระยะแรก แต่การวิ่งนำทำให้นักวิ่งชะล่าใจ และมัวแต่โบกไม้โบกมือทักทายกองเชียร์ข้างสนาม เผลอแว้บแป๊บเดียว พวกวิ่งแซงหน้าไปซะแล้ว

หลังโควิด-19 รัฐต้องมอบโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทั่วถึง เกือบ 2 ปีที่เผชิญความลำบาก ธุรกิจจำนวนไม่น้อยต้องปิดกิจการ ความไม่มีรายได้มาหล่อเลี้ยงเกินปี ทำให้ไม่มีทุนที่จะเริ่มงานกันใหม่ นี่คือโจทย์ที่รัฐบาลของทุกประเทศต้องแก้ไข

ส่วนพวกเศรษฐีมีสตางค์ที่สายป่านยาว ตอนนี้ก็แยกแหกปากกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะสามารถซื้อทรัพย์สินต่างๆ ได้ในราคาถูกกว่าปกติ

ส่วนเศรษฐีมีเงินกำลังเตรียมกระโจนเข้าไปช้อนธุรกิจที่เจ้าของเดิมล้มและลุกขึ้นมาสู้ใหม่ไม่ไหว โอย ท่านเอ๋ย พวกล้มนี่มันเยอะแยะเหลือเกิน ผมเลือกช้อนซื้อไม่ถูก.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com