• ยูนิเซฟแสดงความเป็นห่วงเด็กๆ ชาวอินเดีย อาจถูกล่วงละเมิดหรือถูกส่งเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์หลังขาดผู้ปกครองดูแล
  • ภาวะยากจนจากโรคระบาดในอินเดียทำให้หลายครอบครัวไม่สามารถดูแลเด็กๆ ได้ต่อไป และอาจหาช่องทางในการส่งลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมของชาวต่างชาติอย่างผิดกฎหมาย 
  • การระบาดระลอกที่ 2 ยิ่งซ้ำเติมความเสียหายหนัก โดยกลุ่มเด็กและกลุ่มผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในหลายด้าน ทั้งสวัสดิภาพความปลอดภัย รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิต และรายได้ด้วย

สถานการณ์ในอินเดีย

การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในอินเดีย นอกจากจะแผ่ขยายวงไม่ต่างกับไฟป่าที่ลุกลาม มีคนเจ็บตายจำนวนมากแล้ว ยังส่งผลให้เกิดหายนภัยกับเด็กเยาวชนอีกจำนวนมาก ทั้งพรากชีวิตพ่อแม่ และผู้ปกครอง จนทำให้ลูกๆ กลายเป็นเด็กอนาถา เด็กกำพร้า ไปจนถึงการที่เด็กๆ ถูกนำเข้าไปสู่วงจรค้ามนุษย์ ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้องค์การยูนิเซฟออกมาแถลงแสดงความกังวลต่อสวัสดิภาพของเด็กๆ ชาวอินเดีย 

นางยาสมิน เฮก ผู้แทนยูนิเซฟในอินเดียระบุว่า การระบาดระลอกนี้หนักกว่าการระบาดระลอกแรกถึงเกือบ 4 เท่า โดยทุกๆ วินาทีจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมา 4 ราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 ศพในทุกๆนาที สิ่งที่เกิดขึ้นในอินเดียได้ส่งสัญญาณเตือนว่าการระบาดของโรคยังไม่จบลงง่ายๆ โดยเฉพาะอัตราการติดเชื้อของโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียใต้ ทั้งในเนปาล ศรีลังกา และมัลดีฟส์

...

เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นยังระบุด้วยว่า สถานพยาบาลต่างๆ ไม่สามารถรองรับกับผู้ป่วยโควิด-19 ได้อีกต่อไป ขณะที่หญิงตั้งครรภ์ในช่วงนี้ก็ประสบกับความยากลำบาก ในการหาช่องทางที่จะเข้าถึงความช่วยเหลือในยามที่พวกเธอต้องคลอดลูก ด้วยอัตราการเกิดของอินเดียที่อยู่ที่ 27 ล้านคน ถึง 30 ล้านคนในแต่ละปี การที่จะช่วยชีวิตแม่ที่จะให้กำเนิดลูกในช่วงภาวะของโรคระบาดยิ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับคนไข้ฉุกเฉินเพิ่มได้ และยังมีความเสี่ยงที่แม่และลูกจะติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเรื่องนี้ก็เชื่อมโยงไปถึง สวัสดิภาพของเด็กๆ จำนวนมากที่เกิดออกมาแล้ว แต่ต้องมาเจอข้อจำกัดในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ การเข้าถึงการรักษาพยาบาลโรคอื่นๆ การศึกษาและความปลอดภัยในชีวิตด้วย

ผลกระทบต่อเด็ก

ผลกระทบที่เห็นชัดเจนเรื่องหนึ่งก็คือเด็กๆ กำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต และเสี่ยงที่จะเผชิญความรุนแรงทั้งภายนอกและภายในครอบครัว เนื่องจากการล็อกดาวน์เมืองทำให้พวกเขาถูกตัดขาดจากระบบการช่วยเหลือ ยังไม่รวมถึงการถูกตัดขาดจากระบบการศึกษา และปัญหาความยากจนที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโรคระบาด

รายงานผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยอะซีม เพรมจี ในเมืองบังกาลอร์ของอินเดีย ชี้ผลกระทบจากวิกฤติแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปี ส่งผลให้ชาวอินเดียจำนวนกว่า 230 ล้านคนต้องตกอยู่ในความยากจน โดยเด็กและผู้หญิงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยเฉพาะการระบาดระลอกสองที่ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม มีรายงานว่าชาวอินเดียราว 100 ล้านคนต้องตกงาน และราว 15% ไม่สามารถหางานใหม่ได้จนถึงช่วงสิ้นปี ซึ่งในกลุ่มแรงงานหญิงนั้นถูกเลิกจ้างมากกว่าถึง 47% ซึ่งปัญหาความยากจนก็ทำให้เด็กๆ หลุดเข้าไปในวงจรการค้ามนุษย์ได้ง่ายขึ้น

ยาสมิน เฮกบอกว่า แม้จะยังไม่เห็นตัวเลขข้อมูลที่แน่ชัด ถึงความแตกต่างของสัดส่วนของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมรณะในระลอกนี้ เทียบกับการระบาดในระลอกแรก แต่เชื่อว่าตัวเลขน่าจะสูงกว่าเดิมมาก เพราะการระบาดได้เข้าไปสู่ครัวเรือน แล้วกระจายต่อไปยังคนในบ้าน เหมือนไฟลามไปทั้งครอบครัว

โดยจะเริ่มสังเกตเห็น การโพสต์หาผู้ใจบุญให้รับเด็กกำพร้าไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมอย่างผิดกฎหมายในอินเทอร์เน็ต จากญาติๆ ที่สิ้นหวังในการหาบ้านให้เด็กๆที่กลายเป็นเด็กกำพร้า  ซึ่งเรื่องนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อเด็กเหล่านั้นให้เข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ หรือถูกล่วงละเมิดได้

...

แนวทางแก้ไข

ล่าสุด ทางยูนิเซฟกำลังเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาดำเนินการเพื่อปกป้องเด็กๆ เหล่านี้ พร้อมรณรงค์ให้เครือญาติเข้ามาเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูเด็กๆ พร้อมเพิ่มระบบติดตามคนในครอบครัว รวมทั้งอาจจะมีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ตกทุกข์ได้ยาก เพื่อลดปัญหาเด็กกำพร้าถูกทอดทิ้ง ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ระทมของเด็กๆ ที่นอกจากจะต้องสูญเสียพ่อแม่หรือบุคคลที่รักจากไวรัสมรณะแล้ว โรคระบาดนี้ยังอาจพรากอิสรภาพ ความสุข และโอกาสในการได้เติบโตในครอบครัวที่อบอุ่นของเด็กๆ ไปด้วย

ผู้เขียน : อาจุมม่าโอปอล