หลายรัฐในอินเดียเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากยังมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตวันเดียวเกือบ 4,200 ศพ

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 8 พ.ค. 2564 กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึง 4,187 ศพ ทำให้ยอดรวมทั้งหมดใกล้ถึง 240,000 ศพแล้ว ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 401,078 ราย เพิ่มยอดสะสมเป็น 21.9 ล้านคน

สถาบันประเมินและตรวจวัดสุขภาพของอินเดีย ประเมินว่า อินเดียจะมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ถึง 1 ล้านศพภายในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนเชื่อว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่ทางการรายงาน

ในวันเดียวกัน รัฐบาลของรัฐทมิฬนาฑู ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์ดังมากมายทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู, ไดม์เลอร์, ฮุนได, ฟอร์ด, นิสสัน และเรโนต์ ประกาศว่าพวกเขาจะขยับจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพียงบางพื้นที่ เป็นล็อกดาวน์เต็มรูปแบบในวันจันทร์นี้ โดยจะปิดการขนส่งสาธารณะและร้านขายสุราของรัฐ ส่วนทางการรัฐกรณาฏกะซึ่งอยู่ติดกัน ประกาศขยายระยะเวลาการล็อกดาวน์ทั่วรัฐออกไปอีกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

...

ทั้งนี้ อินเดียกำลังเผชิญการระบาดระลอก 2 ของไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 1.57 ล้านคนภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินเดียยังไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเหมือนที่ใช้ในการระบาดรอบแรกเมื่อปีก่อน แต่รัฐต่างๆ เกินครึ่งประเทศสั่งล็อกดาวน์เต็มรูปแบบไปแล้ว ส่วนที่เหลือล็อกดาวน์บางส่วน

เมื่อวันศุกร์ หน่วยงานตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยาเพิ่งอนุมัติใช้ยาตัวใหม่ชื่อ ‘2-deoxy-D-glucose’ ในกรณีฉุกเฉิน หลังจากผลการทดสอบทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า ยาตัวนี้ช่วยในการฟื้นตัวของผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการพึ่งพาออกซิเจนช่วยหายใจ

แต่อินเดียยังคงประสบปัญหาในการผลิตและกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยตอนนี้พวกเขาฉีดวัคซีนไปแล้วว้า 167 ล้านโดส แต่อัตราการฉีดลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และมีประชากรเพียง 2% จากทั้งหมด 1.4 พันล้านคน ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่