รัฐบาลเดนมาร์กถอดวัคซีนโควิด "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" ออกจากโครงการวัคซีนแล้ว เตรียมสอบสวนรายงานกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดที่พบไม่มากแต่มีความเสี่ยงอันตรายต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. เว็บไซต์ข่าว France24 รายงานว่ารัฐบาลเดนมาร์กตัดสินใจถอดวัคซีนต้านโควิด-19 แบบโดสเดียว ของบริษัท "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" ออกจากโครงการวัคซีนแล้ว และเตรียมเปิดสอบสวนรายงานการเกิดผลข้างเคียงกับผู้รับวัคซีน ซึ่งมีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน 

ที่ผ่านมา รัฐบาลเดนมาร์กฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นาให้กับประชาชน โดยมีชาวเดนมาร์กกว่า 1.2 ล้านคนรับวัคซีนเข็มแรก และบางส่วนรับการฉีดเข็มที่ 2 แล้ว ในขณะที่วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อยู่ในรายการวัคซีนของโครงการแต่ยังไม่มีการนำมาฉีดให้กับประชาชน 

กระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์ก ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า ทางรัฐบาลได้ข้อสรุปว่าประโยชน์จากการรับวัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไม่คุ้มกับความเสี่ยงจากผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ องค์การเภสัชกรรมยุโรป มีข้อสรุปชี้ว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่างกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้น้อยแต่มีความรุนแรง กับการรับวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

...

พร้อมกันนี้ ทางการเดนมาร์กระบุว่า เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ภายใต้การควบคุมได้แล้ว และการดำเนินการฉีดวัคซีนที่ผ่านมาก็อยู่ในกระบวนการที่น่าพอใจโดยยังมีวัคซีนอื่นๆ ให้เลือกใช้ จึงตัดสินใจว่าจะไม่มีการใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 

การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและอีกหลายฝ่ายเมื่อวันที่ 3 พ.ค. เกี่ยวกับกรณีความเสี่ยงการเกิดภาวะลิ่มเลือดภายหลังรบวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทางสหภาพยุโรปได้แนะนำให้มีการติดฉลากเตือนเรื่องนี้ไว้ด้วย 

ก่อนหน้านี้ เดนมาร์ก เป็นชาติแรกในยุโรปที่ประกาศถอดวัคซีนต้านโควิด "แอสตราเซเนกา" ออกจากโครงการวัคซีนแห่งชาติ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงการเกิดความเสี่ยงเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันเช่นกัน.

ที่มา France24