ทำไมต้องคิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก!! เพราะ “การคิดใหญ่” จะทำให้เรามีชีวิตที่ใหญ่ขึ้น โดยไม่เกี่ยวกับการกินพื้นที่ชีวิตของใคร เริ่มฝึกตัวเองให้คิดใหญ่ แล้วชีวิตจะใหญ่ขึ้นทั้งด้านของความสุข, ใหญ่ขึ้นในด้านรายได้, ใหญ่ขึ้นด้านความสำเร็จ และใหญ่ขึ้นในมิติของการเป็นที่ยอมรับนับถือ

“คนอื่นมักมองเราเช่นเดียวกับที่เรามองเห็นตัวเราเอง” คนที่คิดว่าเขาเป็นคนต่ำต้อย ไม่ว่าคุณสมบัติที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร เขาก็จะเป็นคนด้อยค่าและไม่สำคัญเสมอ ตรงข้ามกับคนที่คิดจริงๆว่าเขามีความสำคัญ และสมควรได้รับการยอมรับนับถือ เขาก็มักจะได้รับการเคารพนับถือโดยไม่ต้องพยายาม

“เดวิด เจ.ชวาร์ทซ์” เขียนไว้ในหนังสือขายดีระดับโลก “THE MAGIC OF THINKING BIG” แนะนำเทคนิคการคิดใหญ่ที่จะผลักดันให้ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาด โดยหัวใจสำคัญของการคิดใหญ่คือ “คุณคิดอย่างไร ชีวิตก็จะเป็นไปตามที่คิดว่าคุณเป็น” ฉะนั้น ถ้าอยากได้รับการนับถือจากคนอื่น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ต้องคิดว่าเราสมควรจะได้รับการนับถือ และยิ่งเรานับถือตัวเองมากเท่าไหร่ คนอื่นก็จะนับถือเราขึ้นเท่านั้น กระนั้น เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกับการยกตนข่มท่าน หรือพยายามหลอกตัวเองและสร้างภาพหลอกคนอื่นไปวันๆ เพราะโปรแกรมจิตฝึกตัวเองให้คิดใหญ่ เป็นเรื่องของการต่อสู้กับตัวเองเพื่อพัฒนาจิตใจ ไม่ใช่การชิงดีชิงเด่นกับใครทั้งสิ้น

นักสร้างแรงบันดาลใจระดับตำนานโลกชี้ว่า ความนับถือตัวเองสามารถแสดงออกได้ในทุกสิ่งที่เราทำ โดยกุญแจสำคัญดอกแรกอยู่ที่การปรับภาพลักษณ์ให้ตัวเอง “ดูสำคัญ” มันช่วยให้เกิดความฮึกเหิมและทำให้คิดใหญ่!! สิ่งที่คุณคิด กำหนดสิ่งที่คุณกระทำ และสิ่งที่คุณกระทำ กำหนดสิ่งที่คนอื่นจะมีปฏิกิริยากับคุณ ตรรกะก็คือ การจะเป็นคนสำคัญได้นั้น เราต้องคิดว่าเราสำคัญก่อน คิดจริงๆว่าเราสำคัญแล้วคนอื่นถึงจะคิดตามด้วย

...

“อย่าออกจากบ้าน ถ้าไม่แน่ใจว่าคุณดูเหมือนคนประเภทที่คุณต้องการจะเป็น” หนึ่งในอาวุธทรงพลัง ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองก็คือ การใช้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายช่วยสร้างขวัญปลุกความฮึกเหิม การแต่งตัวให้ดูดีมีรสนิยมคุ้มค่าลงทุนเสมอ เพราะมันช่วยทำให้คุณดูสำคัญ และสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ทหารจะคิดอย่างทหารเมื่อเขาอยู่ในเครื่องแบบเต็มยศ เช่นเดียวกับผู้บริหารจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้บริหารมากขึ้นเมื่อเขาแต่งตัวภูมิฐาน หรือแม้แต่เซลส์แมนที่ขายของแพงๆก็ต้องแต่งตัวดีมีรสนิยม เพื่อทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือ

ไม่มีอะไรจะบั่นทอนตัวเรามากไปกว่าการแต่งตัว “ซอมซ่อ” และ “พูดในสิ่งที่เป็นลบ” เพราะทันทีที่คนประเภทนี้ปรากฏตัวก็จะถูกเหมารวมว่าเป็นคนไม่ได้ความ ไร้ประสิทธิภาพ และไม่สำคัญ นึกถึงปฏิกิริยาของสาวห้างฯที่ไม่สนใจเทกแคร์ดูแลลูกค้า ซึ่งแต่งตัวโทรมๆลากรองเท้าแตะไปเดินช็อปปิ้ง

ถ้าการปรากฏกายของคุณ ทำให้คุณคิดว่าคุณเป็นคนต่ำต้อย คุณก็เป็นคนต่ำต้อย ถ้าทำให้คุณคิดเล็ก คุณก็จะเล็ก ขอย้ำว่า “คุณเป็นไปตามที่คุณคิดว่าคุณเป็น” เรื่องนี้นำมาใช้กับการทำงานเช่นกัน ถ้าคุณคิดว่างานของคุณสำคัญ คุณก็จะขวนขวายทุกทางเพื่อหาวิธีทำงานของคุณให้ดีขึ้น และทุกคนในที่ทำงานก็จะเห็นว่าคุณเป็นคนสำคัญ

แล้วจะสร้างพลังแห่งความเชื่อได้อย่างไร ลองฝึกโปรแกรมตัวเองทุกวัน บอกตัวเองให้คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือครอบครัว เมื่อประสบปัญหายุ่งยากให้สร้างความฮึกเหิมปลุกพลังในตัวเองว่า “เราจะชนะ” ไม่ใช่ “เราจะแพ้” ที่สำคัญมุ่งฝึกฝนตัวเองให้เป็น “คนที่กล้าคิดใหญ่” เพราะขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คนที่คิดอะไรเล็กๆ ก็จะประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ผิดกับคนคิดการใหญ่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญอย่าโกงความสำเร็จของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง เพราะสุดท้ายอาจโป๊ะแตกโดนจับได้ว่ากลวง!!

มิสแซฟไฟร์