จรวดของต่อต้านอากาศยานของซีเรียตกใกล้โรงงานนิวเคลียร์ลับของอิสราเอล ระหว่างการยิงตอบโต้กันเมื่อวันพฤหัสบดี แต่ไม่เกิดความเสียหาย โดยที่นายพลสหรัฐฯ เชื่อว่าซีเรียไม่ได้ตั้งใจโจมตี
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา เกิดเหตุจรวดต่อต้านอากาศยานของซีเรียตกที่เมืองดิโมนา ทางตอนใต้ของอิสราเอล และห่างจากที่ตั้งของโรงงานนิวเคลียร์ลับของรัฐบาลยิวเพียง 30 กม. อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายจากเหตุการณ์นี้
กองทัพอิสราเอลระบุว่า จรวดดังกล่าวคือจรวด ‘SA-5’ ชนิดภาคพื้นสู่อากาศ เป็นหนึ่งในมิสไซล์หลายลูกที่ฝ่ายซีเรียยิงเข้าใส่เครื่องบินรบของพวกเขา ซึ่งอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศในจุดที่จรวดดังกล่าวถูกยิงออกมา
ด้านกองทัพซีเรียอ้างว่า มิสไซล์ของอิสราเอลมีเป้าหมายในพื้นที่หลายจุดรอบกรุงดามัสกัส โดยส่วนใหญ่ถูกระบบป้องกันยิงสกัดได้ แต่มีทหาร 4 นายได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายทางวัตถุในระดับหนึ่ง
...
ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (SOHR) รายงานว่า ฐานป้องกันการโจมตีทางอากาศของซีเรียในเมืองดูมาเอียร์ ซึ่งห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 40 กม. ถูกโจมตี และมีเจ้าหน้าที่กองทัพซีเรียเสียชีวิต 1 นาย
ทั้งนี้ เมืองดิโมนาเป็นสถานที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ลับของอิสราเอล ซึ่งเชื่อกันว่ามีหน้าที่ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่อิสราเอลไม่เคยยอมรับหรือปฏิเสธว่าพวกเขามีอาวุธมหาประลัยดังกล่าว
ขณะที่นายอูซี รูบิน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกิจการภายในของอิสราเอล บอกกับรอยเตอร์ว่า เหตุจรวดตกใกล้โรงงานนิวเคลียร์ครั้งนี้อาจเป็นความบังเอิญ เพราะหากกองทัพซีเรียตั้งใจโจมตีโรงงานนิวเคลียร์จริง พวกเขาควรใช้อาวุธขนาดใหญ่กว่านี้เช่น จรวดสกั๊ด
ส่วนนาย เคนเนธ แมคเคนซี พลเอกแห่งกองกำลังนาวิกโยธินและผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางแห่งกองทัพสหรัฐฯ มีความเห็นไปในทางเดียวกัน และว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นความไร้ความสามารถของระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลด้วย