เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อกรณีการสิ้นพระชนม์ของ “เจ้าชายฟิลิป” ดยุกแห่งเอดินเบอระ พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งราชวงศ์อังกฤษ
เพราะก่อนหน้าข่าวเศร้าไม่นาน ผู้เขียนเพิ่งมีโอกาสไล่เก็บซีรีส์รางวัลอย่าง “เดอะ คราวน์” (The Crown) บนช่องเน็ตฟลิกซ์ รวดเดียวถึง 4 ซีซัน แบบไม่ต้องหลับต้องนอน และมีความประทับใจต่อตัวละครทั้งหมด รวมถึงบทบาทของเจ้าชายฟิลิปที่ถูกแสดงออกมาในภาพยนตร์
จนอยากทราบทันทีว่า บทที่ถูกเขียนออกมานั้น มีความจริงแท้มากน้อยเพียงใดในแต่ละตอน และบางบทนั้นเป็นการแต่งเติมสีสันให้กับภาพยนตร์ใช่หรือไม่?
เพราะสิ่งที่ถูกแสดงออกมาบนแผ่นฟิล์ม แสดงให้เห็นตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคนว่าเจ้าชายฟิลิป มีความเพลย์บอย นิยมชมชอบสาวสวย และเป็นขาประจำของสโมสรสุภาพบุรุษ แต่ถึงจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง ก็มีความรัก อย่างเต็มเปี่ยมต่อสมเด็จพระราชินี “ลิลิเบธ” จนครองชีวิตสมรสกันยาวนานถึง 73 ปี
โดยเฉพาะเรื่องสำคัญในยุคนั้น ที่สังคมยึดติดเรื่องผู้ชายเป็นใหญ่ในครอบครัว แต่ พระองค์ก็ทรงยอมเป็นผู้ตาม (ซึ่งบางครั้งก็กล้ำกลืนฝืนทน?) ไม่ว่าเรื่องนามสกุลที่ปกติภรรยาต้องเปลี่ยนมาใช้ของสามี (เมาต์แบทเทน) หรือการที่ยอมคุกเข่าสวามิภักดิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินี ซึ่งในภาพยนตร์ยังถ่ายทอดออกมาว่านอกจากเพราะรักแล้ว มีช่วงหนึ่งที่พระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดาของควีน ชวนฟิลิปไปล่าเป็ดป่า ก่อนอบรมเตือนสติว่า “งานของเจ้าไม่ใช่ทหารเรือ แต่คือการดูแลสมเด็จพระราชินีทั้งตัวและหัวใจ”
...
จึงไม่แปลกที่เจ้าชายฟิลิปจะทำการพิทักษ์เจ้าเหนือหัวตามความคิดของพระองค์ตลอดมา จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ “โมเดิร์นไนซ์” ปฏิรูประบบราชวงศ์ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เช่น การใช้ทีวีให้เป็นประโยชน์ ถ่ายทอดสดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หรือการจัดทำสารคดีชีวิตรอยัลแฟมิลี่ เพื่อลดความห่างเหินระหว่างราชวงศ์กับพสกนิกร เนื่องจากสิ่งที่พระองค์มีประสบการณ์ตรงสมัยอยู่กรีซ และกังวลอย่างมากคือการโค่นล้มสถาบัน
แม้เจ้าชายฟิลิปจะสิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยพระชนมายุ 99 พรรษา แต่บทบาทต่างๆ ของพระองค์ จะถูกจารึกไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์และแผ่นฟิล์มอย่างแน่นอน อีกทั้งสำหรับหนังซีซัน 5 มีข่าวแล้วว่าจะถ่ายทำต่อ ขอนั่งรออย่างใจจดใจจ่อว่าจะนำเสนอเรื่องราวอะไรดีๆเกี่ยวกับพระองค์อีกครับ.
ตุ๊ ปากเกร็ด