ผอ.ศูนย์ควบคุมโรคระบาดจีนออกมายอมรับเอง "ซิโนแวค" มีประสิทธิภาพป้องกันต่ำ อาจต้องใช้วัคซีนแบบอื่นควบคู่ ด้านโฆษกซิโนแวคแนะให้ฉีดเข็มแรกแล้วทิ้งห่างเพิ่มจาก 14 วัน เป็น 3 สัปดาห์ ก่อนฉีดเข็มที่ 2
เมื่อวันที่ 12 เม.ย.64 เว็บไซต์ข่าว Aljazeera รายงานว่า ผู้ผลิตวัคซีน "ซิโนแวค" แถลงชี้แจงเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยระบุว่า ประสิทธิภาพการป้องกันมากน้อยของวัคซีนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ วัยของผู้รับวัคซีน และสายพันธุ์ของเชื้อที่แตกต่างกัน นอกจากนี้หากทิ้งห่างระยะเวลาการฉีดวัคซีนระหว่างเข็มแรกกับเข็มที่ 2 มากเท่าไรก็ยิ่งได้ผลดีมากขึ้น โดยแนะนำว่า หลังจากได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วควรทิ้งห่างเพิ่มจากเดิม 14 วัน เป็น 3 สัปดาห์ ก่อนฉีดเข็มที่ 2
นายหลิว เผยเฉิง โฆษกของซิโนแวค ยอมรับว่า ซิโนแวคมีประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่เพียง 50.4% จากการทดสอบที่บราซิล ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 50% มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค ป้องกันได้ถึง 97%
การออกมาแถลงของซิโนแวค มีขึ้นหลังจากที่ นายเกา ฟู่ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคระบาดของจีน (China Centers for Disease Control-CDC) แถลงที่เมืองเฉิงตู เมื่อวันเสาร์ที่ 10 เม.ย. ยอมรับว่า วัคซีนของจีนไม่ได้มีอัตราการป้องกันเชื้อโรคโควิด-19 สูงมาก ขณะที่ตอนนี้รัฐบาลจีนกำลังตัดสินใจว่าควรใช้ร่วมกับวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคนิคอื่นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนหรือไม่
...
อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่จีนออกมายอมรับถึงการด้อยประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่จีนเป็นผู้ผลิต ขณะที่นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จีนผลิตวัคซีน "ซิโนแวค" และ "ซิโนฟาร์ม" ส่งออกให้กับ 22 ประเทศทั่วโลก และส่งออกวัคซีนซิโนแวคหลายร้อยล้านโดสไปในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ในขณะที่ปัจจุบันรัฐบาลจีนใช้แต่วัคซีนแบบ "DNA" หรือเทคโนโลยีเชื้อตาย ที่ผลิตขึ้นเองเพียงอย่างเดียว และยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตโดยต่างชาติ
ขณะที่ผู้อำนวยการ CDC ของจีน ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จากนี้ไปจีนจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์ด้านการใช้วัคซีนอย่างไรให้มีความหลากหลายขึ้น และจะมีการนำวัคซีน "mRNA" ซึ่งเป็นการตัดต่อสารพันธุกรรม ที่บริษัทตะวันตกใช้กัน มาใช้ด้วยหรือไม่
รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ของ CDC จีนรายหนึ่งเปิดเผยว่า กำลังศึกษาวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคนิค mRNA ขณะเดียวกัน ตอนนี้นักวิจัยของอังกฤษกำลังทดสอบความเป็นไปได้ในการผสมวัคซีนของไฟเซอร์เข้ากับแอสตราเซเนกา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน.
ที่มา : Aljazeera