ดัชนีหุ้นใหญ่ของวอลล์สตรีทส่วนใหญ่ปิดบวก จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ด้านราคาน้ำมันดิ่งลง ส่วนราคาทองคำฟื้นตัวจากการขายช็อต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 31 มี.ค. 2564 แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 85.41 จุด หรือราว 0.26% ปิดที่ 32,981.55 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 14.34 จุด หรือราว 036% ปิดที่ 3,972.89 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก พุ่งขึ้น 201.48 จุด หรือราว 1.54% ปิดที่ 13,246.87 จุด
3 ดัชนีหุ้นใหญ่ของวอลล์สตรีทจบไตรมาสในแดนบวกเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ในขณะที่นักลงทุนเตรียมตัวรับแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งจะมาพร้อมกับมาตรการขึ้นภาษี
โดยในวันพุธ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดบวกมากขึ้นจากแรงช้อนซื้อ หลังลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และนักลงทุนหันไปซื้อหุ้นกลุ่มที่เคลื่อนไหวตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ลดลงและอ่อนแอที่สุดในวันนี้
ด้านราคาน้ำมันดิบลดลงจากความกังวลเรื่องแนวโน้มความต้องการพลังงานโลก นอกจากนี้ ผู้ค้าน้ำมันยังจับตาดูการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ โดยคาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า พวกเขาจะคงมาตรการลดกำลังผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับเดิมต่ออีก 1 เดือน เพื่อรักษาการฟื้นตัวของราคาน้ำมันเอาไว้ ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ดิ่งลง 1.39 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.3% ไปอยู่ที่ 59.16 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ร่วง 0.60 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 63.54 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล
...
ส่วนราคาทองคำฟื้นตัวหลังจากลดลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการซื้อหุ้นคืนของนักลงทุน และการช้อนซื้อ รวมถึงการลดลงของค่าเงินดอลลาร์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ชี้ว่า กิจกรรมการผลิตของจีนขยายตัวเร็วกว่าที่คาดเอาไว้
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน พุ่งขึ้น 29.60 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,715.60 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์