คณะนักวิทย์ชั้นนำของจีนและสหราชอาณาจักร เสนอรายงานวิจัย ระบุ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน มีคุณภาพอากาศดีขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยมลพิษลดลง หลังดำเนินมาตรการสร้างอากาศสะอาดบริสุทธิ์อย่างจริงจัง
เมื่อ 25 มี.ค.64 สำนักข่าวซินหัวรายงาน คำแถลงบนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม เมื่อวันอังคาร (23 มี.ค.64 ) ระบุว่าคณะนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 150 คน ใช้เวลา 5 ปี ทำการวิจัยมลพิษทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในปักกิ่ง โดยใช้เครื่องมือสังเกตการณ์และจำลองเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศและสุขภาพของมนุษย์
คณะนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า แหล่งที่มาของมลพิษทางอากาศสำคัญในใจกลางเมือง ซึ่งรวมถึงฝุ่นละอองขนาดเล็ก สารประกอบอินทรีย์ระเหย (VOC) และผงคาร์บอนดำ อยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ความเข้มข้นยังคงค่อนข้างสูงในปี 2016-2017 ซึ่งบ่งชี้ว่ามลพิษทางอากาศประเภทนี้ก่อตัวขึ้นจากพื้นที่นอกใจกลางเมือง
งานวิจัยภายใต้โครงการ “มลพิษทางอากาศและสุขภาพของมนุษย์ในมหานครของจีน” (Atmospheric Pollution and Human Health in a Chinese Megacity – APHH-Beijing) ได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติจีน (NSFC) ร่วมกับสภาวิจัยสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ (NERC) และสภาวิจัยทางการแพทย์ (MRC) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนหุ้นส่วนการวิจัยและนวัตกรรมสหราชอาณาจักร-จีน
“มลพิษทางอากาศในระดับสูงเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ในหลายเมืองใหญ่ของจีน เราขอยืนยันว่าคุณภาพอากาศของปักกิ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ศาสตราจารย์รอย ฮาร์ริสสัน จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม กล่าว โดยฮาร์ริสสันเป็นนักวิจัยหลักประจำโครงการฯ จากฝั่งสหราชอาณาจักร
...
“งานวิจัยครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศในปักกิ่งดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะแหล่งที่มาและปริมาณ รวมถึงทำให้เราสามารถให้คำแนะนำต่อผู้กำหนดนโยบายและช่วยให้พวกเขาดำเนินการที่จะช่วยลดมลพิษทางอากาศในปักกิ่งและเมืองอื่นทั่วประเทศ” ฮาร์ริสสันกล่าว
คณะนักวิจัยยังพบว่ามลพิษจากการปรุงอาหารอาจเป็นแหล่งที่มาของฝุ่นละอองขนาดเล็กอันเป็นอันตรายต่อสุขภาพในปักกิ่ง ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการควบคุมเข้มงวดยิ่งขึ้น นอกจากนั้นคณะนักวิจัยยังพบว่าการจราจรบนท้องถนนไม่ใช่แหล่งที่มาหลักของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5 (PM 2.5) แต่ยังคงเป็นแหล่งที่มาหลักของไนโตรเจนออกไซด์ (NOx)
ศาสตราจารย์สือจงโปจากมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานทางวิทยาศาสตร์ของโครงการฯ กล่าวว่าโครงการนี้ขยายความร่วมมือสหราชอาณาจักร-จีน ฝึกฝนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ และสร้างมรดกความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เพื่อการต่อยอดในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมและปรับปรุงวิถีชีวิตประจำวัน
ด้าน ดร.คาโรไลน์ คัลชอว์ หัวหน้าฝ่ายสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพของสภาวิจัยสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ กล่าวว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันขนานใหญ่ของสองประเทศในด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและการแพทย์เพื่อแก้ปัญหาความท้าทายระดับโลก
ทั้งนี้ โครงการมลพิษทางอากาศและสุขภาพของมนุษย์ในมหานครของจีนใช้เครื่องมือชี้วัดทางชั้นบรรยากาศและกลยุทธ์การวิเคราะห์หลายประเภท เพื่อระบุแหล่งที่มาและปริมาณของมลพิษ พัฒนาวิธีบันทึกการปล่อยมลพิษ และผสานสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อสร้างเครื่องมือจำลองแบบใหม่สำหรับพัฒนานโยบาย