ในโอกาสวันชาติปากีสถาน 23 มี.ค. อาซิม อาห์เหม็ด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทย ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์กับประเทศไทยอีกว่า...ในช่วงที่เกิดการระบาดสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อจัดเตรียมการส่งคนไทยและปากีสถานกลับประเทศอย่างปลอดภัยโดยเที่ยวบินพิเศษทั้งสองเส้นทาง ด้วยการจัดการกับโควิดอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราทั้งสองฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีการปรึกษาหารือ เพื่อให้เกิดแรงผลักดันด้านการค้าการลงทุนและความร่วมมือด้านอื่นๆ เรากำลังดำเนินการในเรื่องของคณะกรรมการเศรษฐกิจร่วมระดับรัฐมนตรี และกำลังมีการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีในระดับทวิภาคี มีการสรุปบันทึกความร่วมมือด้านการเกษตรและในส่วนอื่นๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ

ในส่วนของบันทึกความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านกลาโหม ที่ได้มีการลงนามเมื่อต้นเดือน มี.ค. ก็เป็นกรอบที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น นับย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่ได้มีความร่วมมือกันในองค์การความมั่นคง SEATO

ทั้งนี้ นโยบายของนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน มุ่งเคน้นการพัฒนาบนพื้นฐานของความเชื่อมโยง พันธมิตร และความสันติกับประเทศเพื่อนบ้าน ปากีสถานเป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างโลกอิสลามกับวัฒนธรรมและอารยธรรมอื่นๆ เราเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมในการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เรากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ เพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนในอัฟกานิสถาน

ภายใต้การนำของบิดาผู้ก่อตั้งปากีสถานอย่าง มูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ ผู้ซึ่งทำให้ปากีสถานได้รับเอกราชผ่านการเคลื่อนไหวทางการเมืองในรูปแบบประชาธิปไตยและมีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเอง รากเหง้าของเราจึงอยู่ที่ประชาธิปไตยและเสรีภาพ สำหรับประเทศไทยถือเป็นพันธมิตรหลักของเราในภูมิภาคนี้ มีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกันมาก เราให้ความสำคัญกับมิตรภาพและความสัมพันธ์อันหลากหลายเป็นอย่างมาก และมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากมิตรภาพและความร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจร่วมกัน

...

ท้ายนี้ผมขอให้ชาวไทยจงแคล้วคลาดปลอดภัยและมีความสุขในวันสงกรานต์ มีความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกภายใต้ร่มพระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ.

ตุ๊ ปากเกร็ด