• ผู้นำสหรัฐฯที่บริหารประเทศได้ยังไม่ถึง 3 เดือน แต่เริ่มดำเนินนโยบายการต่างประเทศแบบแข็งกร้าว รื้อฟื้นความบาดหมางในอดีตกับประเทศต่างๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน และล่าสุดรัสเซีย หลังจากประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า เขาคิดว่าประธานาธิบดีปูตินเป็น "ฆาตกร"
  • ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ตอบโต้ประธานาธิบดีไบเดนอย่างดุเดือด กรณีโดนพาดพิงหาว่าเป็น "ฆาตกร" พร้อมท้าทายให้ทำเนียบขาวนัดคุยกันตัวต่อตัว
  • รัสเซียเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กลับประเทศ ระบุขอทบทวนทิศทางความสัมพันธ์ใหม่ เนื่องจากคำกล่าวของผู้นำสหรัฐฯกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "เอบีซี นิวส์" เมื่อวันพุธที่ 17 มี.ค. เมื่อนายจอร์จ สเตฟาโนพอลอส พิธีกรรายการถามว่า "คิดว่าผู้นำรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่าสั่งวางยาพิษ นายอเล็กเซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านนั้น จัดเป็นฆาตกรหรือไม่" นายไบเดนก็ตอบว่า "ใช่ ผมคิดเช่นนั้น" และยังบอกว่า ผู้นำรัสเซียเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ และเขาจะต้องชดใช้ต่อข้อกล่าวหาว่าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัสเซียปฏิเสธมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้นผู้นำรัสเซียตอบโต้กลับว่า เขาจำได้ว่า เมื่อครั้งเป็นเด็กเวลาทะเลาะกันก็มักจะชอบพูดว่า "ไม่ได้มีใครดีไปกว่ากัน" และว่าคนเรามักจะมองเห็นข้อเสียของผู้อื่นและคิดว่าเขาเป็นแบบนั้น เพราะมันเหมือนกับที่ตัวเองเป็น แต่แท้จริงพวกเราต่างกัน เพราะเรามีรหัสพันธุกรรมทางวัฒนธรรม และศีลธรรมที่ไม่เหมือนพวกเขา

นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียยังเชิญประธานาธิบดีไบเดนหารือกันผ่านการประชุมออนไลน์แบบเห็นหน้าเห็นตา อาจจัดขึ้นเร็วๆ นี้ในวันศุกร์ หรือวันจันทร์ แล้วแต่ทำเนียบขาวจะสะดวก โดยแนะว่าทั้งสองฝ่ายควรคุยแบบตัวต่อตัวอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างเร่งด่วน เพราะคำพูดของนายไบเดนเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับประชาชนชาวรัสเซียและชาวอเมริกัน เพราะเรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์สองชาติสั่นคลอนอีกครั้ง

...

ผลกระทบหลังวิวาทะรุนแรง

หลังโดนผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาอย่างรุนแรง ทางรัฐบาลรัสเซียได้เรียกตัว นายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เดินทางกลับประเทศทันที โดยระบุว่า เพื่อทบทวนและหารือถึงทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรัสเซียกับสหรัฐฯ และวิเคราะห์ว่าจะมีมาตรการใดต่อไป ขณะที่ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯมาถึงทางตัน


ทางด้านประธานาธิบดีปูตินให้สัมภาษณ์ทีวีช่องสปุตนิกอีกว่า เขาได้เชิญผู้นำสหรัฐฯมาหารือกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่าจะยอมรับการคุยสดผ่านไลฟ์ต่อหน้าสาธารณชนได้หรือไม่ แต่ขอเป็นวันศุกร์ หรือไม่ก็วันจันทร์ เพราะเสาร์-อาทิตย์นี้เขาต้องเข้าป่าไปสู้กับหมี

ต่อมาประธานาธิบดีไบเดน เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเรื่องผู้นำรัสเซียท้าคุยหารือแบบสดๆ นายไบเดนตอบกลับว่า เขาแน่ใจว่าเราจะคุยกันเมื่อถึงเวลา

บรรดานักวิเคราะห์การเมืองในสหรัฐฯระบุว่า กรณีการเกิดวิวาทะระหว่างสองผู้นำ เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เพราะจู่ๆ ผู้นำสหรัฐฯก็พูดจากล่าวหาผู้นำรัสเซียรอบใหม่ ในประเด็นเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ และการลอบวางยาผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย และทั้งที่สหรัฐฯมักจะกล่าวหาคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว ประธานาธิบดีปูตินยังร้อนตัวผิดปกติ เพราะแค่ประธานาธิบดีไบเดนแค่พูดว่า ใช่ผมคิดเช่นนั้น แต่เขากลับออกมาตอบโต้อย่างดุเดือดและต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ากำลังโดนความจริงบางอย่างทิ่มแทงหัวใจ

ขณะเดียวกัน กรณีที่นายปูตินกล่าวอวยพรนายไบเดน วัย 78 ปี ว่า ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ยังถูกนักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียนำไปโยงกับข่าวลือที่ว่า ผู้นำสหรัฐฯกำลังป่วยด้วยภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ แล้วตีความว่า คำอวยพรของประธานาธิบดีปูตินช่างน่ากลัวไม่ต่างจากคำขู่สักเท่าไร

 

ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯที่มีต่อรัสเซีย

เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงาน 15 หน้า ที่ระบุว่า รัสเซียกับอิหร่านมีปฏิบัติการที่ก่อให้เกิดอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.63 โดยพบว่ามีบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย เผยแพร่ข้อมูลข่าวลือเกี่ยวกับนายไบเดน ในช่วงก่อนถึงวันเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลไม่เป็นความจริงที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของประชาชนเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น รายงานฉบับนี้ยังระบุว่า มีบุคคลบางกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานข่าวกรองของรัสเซีย ได้มีการเผยแพร่ข้อความหรือแนวคิดต่อต้านนายไบเดนตามสื่อต่างๆ ในสหรัฐฯ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงและพันธมิตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

...

อีกข้อกล่าวหาคือ สิ่งที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เพิกเฉย นั่นคือการที่ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย นายอเล็กเซ นาวัลนี ถูกวางยาเมื่อวันที่ 20 ส.ค. จนต้องบินไปรักษาตัวที่เยอรมนี ขณะที่เมื่อเดินทางกลับถึงสนามบินกรุงมอสโก เขาก็ถูกตำรวจจับกุมตัวทันที จนถึงตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรับโทษจำคุกในคดีฝ่าฝืนทัณฑ์บน และอยู่ระหว่างการถูกพิจารณาคดีหมิ่นประมาท นายอิกแนต เออร์เตเมนโก วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2  

เชื่อกันว่านายนาวัลนีเป็นเหยื่อของความพยายามจากรัฐบาลรัสเซียที่จะกำจัดเสี้ยนหนาม เพราะเขาเป็นคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีปูตินอย่างรุนแรง รวมไปถึงความพยายามเปิดโปงการคอร์รัปชันของนายปูตินและคนใกล้ชิด

ย้อนดูการปะทะคารมในอดีต

จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายไบเดนกับนายปูตินเคยตอบโต้กันด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ นายไบเดนเคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กเกอร์ เล่าว่า ย้อนไปเมื่อครั้ง 10 ปีก่อน ตอนที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัยรัฐบาลบารัค โอบามา เขาได้พบปะกับนายปูติน ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายไบเดนเล่าว่า เขากล่าวกับนายปูตินว่า "ท่านนายกรัฐมนตรี เมื่อผมมองเข้าไปในตาท่าน ผมคิดว่าท่านไม่มีจิตวิญญาณ" ในขณะที่ปูตินได้ตอบกลับมาว่า "เราสองคนเข้าใจกันดี"

...

นอกจากนี้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายปีที่แล้ว นายไบเดนยังเคยกล่าวหาประธานาธิบดีปูติน ว่าเป็น "อันธพาลเคจีบี" โดยเป็นการกล่าวถึงช่วงเวลาที่ผู้นำรัสเซียเคยทำงานในหน่วยสืบราชการลับของอดีตสหภาพโซเวียต

ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องหาพันธมิตรทั่วโลกร่วมกันต่อต้านรัสเซีย ซึ่งนับวันยิ่งหาได้ยาก และเปิดเกมการเมืองระหว่างประเทศอย่างดุเดือด ทางด้านประธานาธิบดีปูตินก็เล่มเกมตอบโต้อย่างร้อนแรง เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก แม้ตัวเลขความนิยมจะอยู่ในระดับ 65% แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ดีนัก ขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาที่จะมีขึ้นในเดือน ส.ค.นี้ โพลล่าสุดชี้ว่ามีเพียง 42% ที่จะสนับสนุนพรรคยูไนเต็ดรัสเซียของรัฐบาล เป็นตัวเลขน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ตัวเลขจีดีพีของรัสเซียยังตกลงมาอยู่ที่ 3.1% ในปีที่แล้ว และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงไปกว่านี้.

ผู้เขียน : เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์

ข้อมูล : Foreignpolicy, CNN, RT