ผู้นำอังกฤษแสดงความกังวล ต่อกรณีที่ตำรวจพยายามสลายการรวมตัว และลากผู้เข้าร่วมพิธีไว้อาลัยหญิงสาวเหยื่อฆาตกรรมออกจากงาน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ

ตำรวจกรุงลอนดอนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อกรณีที่ได้นำกำลังเข้าไปยุติพิธีไว้อาลัยต่อซาราห์ เอฟราร์ด เหยื่อฆาตกรรมวัย 33 ปี ที่หายตัวไประหว่างเดินกลับบ้านเพียงลำพัง เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา จนมาพบกลายเป็นศพ โดยอ้างเหตุผลเรื่องมาตรการควบคุมโควิด-19 และขอให้ประชาชนฉายแสงไฟที่หน้าบ้านของตัวเองแทน ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพการสลายการรวมตัวกันในพิธีไว้อาลัยที่จัดขึ้นในสวนสาธารณะ แคลปแฮม คอมมอน และมีภาพของตำรวจที่ลากผู้หญิงออกไป ทำให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ออกมาแถลงแสดงความกังวลใจต่อเหตุการณ์นี้

นายจอห์นสันยังระบุด้วยว่า นางเครสซิดา ดิค ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนได้รับปากว่า จะมีการทบทวนการทำหน้าที่ของตำรวจ แต่ยังคงยืนยันว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนและเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะขณะนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ของการระบาดของไวรัส และการชุมนุมยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงของประชาชน พร้อมทั้งยืนยันว่าเธอไม่จำเป็นต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย นางปริตี ปาเทล ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียนรู้ที่จะปรับปรุงการทำหน้าที่ของตำรวจในสถานการณ์ที่มีการชุมนุมเช่นนี้

...

สำหรับเหตุฆาตกรรม ซาราห์ เอฟราร์ด ครั้งนี้ ได้สร้างความสะเทือนใจอย่างมากต่อหญิงสาวทั่วประเทศ เพราะผู้ที่ก่อเหตุกลับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซะเอง และยังเกิดกระแสเรียกร้องสวัสดิภาพของผู้หญิง และเรียกร้องให้สังคมร่วมกันต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงด้วย.

ที่มา : รอยเตอร์