ชื่อเต็มของโบลิเวียคือ “รัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวีย” Plurinational State of Bolivia เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าไทยเท่าหนึ่ง (1 ล้าน ตร.กม.) มีประชากรเพียง 9.9 ล้าน เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยผู้คนเชื้อชาติต่างๆ บางกลุ่มก็มีเชื้อสายยุโรป บางกลุ่มก็เป็นเผ่าพันธุ์คนผิวขาวที่ผสมกับคนพื้นเมือง บางกลุ่มเป็นเชื้อสายดั้งเดิม แล้วก็เหมือนกับประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ทั่วไปคือ เคยเป็นอาณานิคมของสเปน ใช้สเปนเป็นภาษาราชการ ผู้คนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
การเมืองโบลิเวียไร้เสถียรภาพ ผู้คนเบื่อหน่ายพรรคการเมืองเดิม พ.ศ.2549 นายฆวน เอโบ โมราเลส ไอมา ซึ่งเป็นคนอินเดียนแดงพื้นเมืองจากพรรคมาสโซเชียลลิสต์ ชนะเลือกตั้งถล่มทลายได้เป็นประธานาธิบดี
คนโบลิเวียชอบนายโมราเลสเพราะแกติดดิน จบแค่มัธยม เคยเป็นกรรมกรทำงานเลี้ยงฝูงยามา รับจ้างเป่าทรัมเป็ต รับจ้างก่ออิฐ เคยเป็นชาวไร่ปลูกโคคา ต่อมาได้รับเลือกเป็นเลขาธิการสหภาพเกษตรกรโคคาโบลิเวีย นายโมราเลสหันมาสนใจการเมืองเพราะไร่โคคาของแกถูกทหารที่สหรัฐฯหนุนทำลาย โบลิเวียยุค 40 ปีที่แล้ว โคคาเป็นพืชเศรษฐกิจที่ใช้เคี้ยวใช้ชงดื่มโดยทั่วไป แต่ความที่โคคาสามารถนำมาผลิตโคเคนได้ ทำให้สหรัฐฯต้องปราบปราม โมราเลสก็เลยกลายเป็นหัวขบวนต่อต้านสหรัฐฯและรัฐบาลโบลิเวีย
ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว นายโมราเลสก็ยึดกิจการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกลับมาเป็นของประชาชน 15 ปีที่แล้วผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินข่าวการยึดบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากนายทุนชาติและนายทุนข้ามชาติ ตอนนั้นดังมากครับ เพราะประเทศอื่นแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้ไปอยู่ในตลาดทุน แต่ที่โบลิเวียทำกลับกัน
พวกนายทุนและประเทศตะวันตกจ้องล้มนายโมราเลส เพราะแกเคยด่าว่าประเทศของแกถูกพวกนี้ขโมยทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ใต้ผืนมาตุภูมิไปอย่างหน้าตาเฉย ขอโทษครับ นายโมราเลสไม่ได้ใช้คำว่าขโมย แต่ใช้คำว่า “ปล้น” ข่าวดังเมื่อ 1 พฤษภาคม 2549 ประธานาธิบดีโมราเลสส่งทหารเข้าไปยึดโรงกลั่น โรงแปรรูป และหลุมขุดเจาะน้ำมัน รวมทั้งหมด 56 แห่งทั่วประเทศให้กลับมาเป็นของรัฐและของประชาชนโบลิเวีย
...
หลังจากนั้นแกให้เวลาบริษัทต่างชาติ 180 วันที่เจรจาและทำสัญญาใหม่ แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักการให้ความเคารพเกียรติภูมิ ชาวโบลิเวีย และต้องให้ผลตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแก่ประชาชนโบลิเวียซึ่งเป็นเจ้าของประเทศอย่างเหมาะสม
สหรัฐฯ ประเทศตะวันตกอื่น นายทุนชาติ และนายทุนข้ามชาติ โดนการจัดการของนายโมราเลสก็ม่อยกระรอกต้องทำตามด้วยความเจ็บใจ ขณะเดียวกันก็สร้างหน่วยไอโอ เพื่อด้อยค่านายโมราเลสด้วยการปล่อยข่าวว่าแกเกี่ยวดองหนองยุ่งกับโคเคน นายโมราเลสโต้กลับว่า การปลูกโคคาเป็นวัฒนธรรมที่อยู่ในสายเลือดของชาวพื้นเมือง ปลูกเพื่อใช้ดื่ม ใช้เคี้ยว ไม่ใช่นำไปผลิตโคเคน
ตะวันตกช่วยกันโยนข้อหาว่าแกโกงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 4 เมื่อ 20 ตุลาคม 2562 แล้วก็จัดประท้วงจนมีคนเสียชีวิต สถานการณ์แรงขนาดนายโมราเลสต้องลี้ภัยไปเม็กซิโก ตอนนั้นตัวละครของฝ่ายนายทุนชาติ นายทุนข้ามชาติ และตะวันตกคือ นางจีนีน อันเญซ รองประธานวุฒิสภา จนตอนหลังเธอแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีรักษาการระหว่างที่รอการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
ตอนนั้น โลกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย รัสเซีย เวเนซุเอลา คิวบา เม็กซิโก อาร์เจนตินา ฯลฯ หนุนนายโมราเลส ส่วนสหรัฐฯและประเทศตะวันตก หนุนนางอันเญซ
การเลือกตั้งในเดือนตุลาคม 2563 พรรคมาสโซเชียลลิสต์ ชนะเลือกตั้งสมาชิกสภา และเมื่อพรรคส่งนายลุยซ์ อาร์เซ ลงแข่งขันเป็นประธานาธิบดี นายอาร์เซก็ชนะอีก
เมื่อพรรคมาสโซเชียลลิสต์กลับมามีอำนาจก็จับพวกที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศเมื่อ พ.ศ.2562 นางอันเญซซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีรักษาการโดนจับเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่เมืองตรินิแดด ถูกยัดตัวใส่เครื่องบินเพื่อส่งกลับมาขึ้นศาลที่กรุงลาปาซ เธอโดนทั้งข้อหาก่อการร้าย ปลุกปั่นให้ก่อความไม่สงบ และคบคิดเพื่อทำผิดกฎหมาย
ใช้กรรมที่เคยสมคบกับนายทุนและพวกตะวันตกล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com