ไปไม่รอดแน่
สายล่อฟ้า
ท่าทีอาเซียน รัฐบาลทหารเมียนมา สถานการณ์การเมืองในเมียนมานับแต่เข้ายึดอำนาจของคณะทหารภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผบ.สูงสุด
ยังไม่มีอะไรใหม่นอกจากการปราบปรามประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านขยายวงไปทั่วทั้งประเทศ แม้กระทั่งจากชนกลุ่มน้อยบางกลุ่ม
ข่าวแนะนำ
แม้ว่าจะใช้กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาเปิดฉากยิงประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านหลายเมืองจนเสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียขวัญแต่อย่างใดมีแต่พร้อมต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้น
ประเมินจากความเป็นไปแล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่รัฐบาลทหารมุ่งหวังเพื่อให้สยบยอมอย่างเคยกระทำมาแล้ว
เพราะปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนแปลงไปมากชาวเมียนมาที่เคยผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองในลักษณะอย่างนี้มาพอสมควร
อีกทั้งได้ลิ้มรสประชาธิปไตยมาแล้วย่อมเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน
นั่นคงได้เห็นการต่อสู้ที่รุนแรงมากขึ้นและมุ่งไปสู่ชัยชนะอย่างเดียว
เช่นกันฝ่ายทหารก็มั่นใจการปราบปรามด้วยความรุนแรงจะทำให้เกิดความหวั่นไหว สุดท้ายก็จะต้องยอมแพ้โดยปริยาย
ทว่าน่าจะคาดการณ์ผิดเพราะมีแต่จะต้องสูญเสียไปทั้งประเทศ
นี่เพียงแค่สถานการณ์ภายในที่ยังไม่มีชาติอื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยตรง เพียงแต่เข้าไปกดดันทางออก
ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน อียู สหรัฐฯ และยูเอ็น
นั่นคือการประกาศคว่ำบาตรในส่วนของผู้นำทหารและเจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรายบุคคลและธุรกิจผลประโยชน์เท่านั้น
แต่ยังไม่ถึงมาตรการคว่ำบาตรทั้งระบบอาเซียนได้มีการประชุมประเทศสมาชิกมีอยู่ 4 ประเทศเท่านั้นที่แสดงออกชัดเจนคืออินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน (ในฐานะประธานอาเซียน) ในปีนี้
ข้อสรุปก็คือเรียกร้องให้รัฐบาลทหารปล่อยตัวอองซาน ซูจี และเสนอให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายเข้าร่วมกระบวนการปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน
ย้ำว่าเหตุการณ์ในเมียนมานั้นไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่อเมียนมาเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อภูมิภาคนี้ด้วย
หลักการเดิมของอาเซียนคือไม่แทรกแซงหรือก้าวก่ายกิจการภายในของแต่ละประเทศอย่างที่เคยปฏิบัติกันมานั้น
คงใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...
สิงคโปร์อีกประเทศหนึ่งที่แสดงตนอย่างชัดเจนต่อสถานการณ์ในเมียนมาเพราะมีธุรกิจและผลประโยชน์มากกว่าประเทศอื่นๆก็ต้องปกป้องธุรกิจของเขาอย่างเต็มที่
หากสหรัฐฯและอียูที่ยังต้องจัดการปัญหาภายในของเขาเพราะยังมีปัญหาเรื่องโควิด-19 และสหรัฐฯเพิ่งเปลี่ยนผู้นำคนใหม่พูดง่ายๆว่ายังตั้งหลักกันไม่ได้
แม้แต่จีนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ว่าไปแล้วคงอีกไม่นานแรงกดดันจากนานาชาติจะทำให้รัฐบาลทหารจะต้องยอมลดท่าทียอมเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน
ดีกว่าถูกโดดเดี่ยวพ่ายแพ้อย่างไม่มีทางเลือก.