วานซืน 2 มีนาคม 2564 ศาลแขวงกรุงพนมเปญพิพากษาให้นายสม รังสี รับโทษจำคุก 25 ปี ตามความผิดมาตรา 251 ประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาพยายามโจมตีเพื่อก่อให้เกิดอันตรายแก่สถาบันของราชอาณาจักรกัมพูชาหรือการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดน ฟังข้อหาจากศาลแล้ว อาจจะงงครับ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ นายสมโดนข้อหาพยายามล้มล้างอำนาจการบริหารของรัฐบาล
นอกจากนั้น ศาลยังพิพากษาจำคุกนางเสามุระ ตุยลอง ภรรยานายสม รังสี 20 ปี นางมู ซักฮัว และนางเอง ฉาย เอียง แกนนำพรรคกู้ชาติกัมพูชา คนละ 22 ปี และแกนนำพรรคกู้ชาติกัมพูชาคนอื่นๆอีก 5 คน ซึ่งโดนจำคุกกันระหว่าง 20-22 ปี
กัมพูชามีการเลือกตั้งครั้งแรก 23-28 พฤษภาคม 2536 มี ส.ส.ในรัฐสภา 4 พรรค ครั้งที่ 2 เมื่อ 26 กรกฎาคม 2541 มี ส.ส. ในสภา 3 พรรค พรรคใหม่ที่โดดเด่นในคราวนี้คือ พรรคสม รังสี ที่ได้คะแนนมากถึง 699,665 คะแนน (ร้อยละ 14.3) มี ส.ส. 15 คน
การเลือกตั้งครั้งที่ 3 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2546 มี ส.ส.นั่งในสภา 3 พรรค ที่ได้คะแนนมากกว่าเดิมคือ พรรคสม รังสี ได้ถึง 1,130,423 คะแนน (ร้อยละ 21.87) มี ส.ส. 24 คน มากกว่าพรรคฟุนซินเปกซึ่งได้คะแนนเสียง 1,072,131 คะแนน (ร้อยละ 20.75)
เมืองใหญ่อย่างเทศบาลพนมเปญ พรรคนายสมชนะทั้งพรรคประชาชนกัมพูชาและพรรคฟุนซินเปก แม้แต่จังหวัดกัมปงจาม ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนั้นมี ส.ส. 18 คน พรรคประชาชนฯ ได้ 8 คน พรรคของนายสมก็ได้เท่ากับฟุนซินเปกคือ 5 คน การเลือกตั้งครั้งที่ 3 นี่ ทำให้พรรคใหญ่ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอย่างพรรคประชาชนกัมพูชาเร่งวางยุทธศาสตร์กำจัดนายสม ออกจากเวทีการเมืองกัมพูชาด้วยการปล่อยข่าวเสียหาย สร้างข่าวปลอม ข่าวเท็จ แต่ความนิยมของสม รังสีก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาสร้างข่าวเท็จให้ประชาชนเกลียดนายสมไม่ได้ ยุทธศาสตร์การทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองก็ต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือทางศาล
...
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งที่ 4 เมื่อ 27 กรกฎาคม 2551 คราวนี้พรรคที่เคยได้คะแนนเป็นที่ 1 ที่ 2 อย่างฟุนซินเปกก็กลายเป็นพรรคกระจอกงอกง่อยได้ลำดับ 5 มี ส.ส.เพียง 2 คน ได้เสียงเพียง 303,764 คะแนน
ส.ส.ที่มีชื่อเสียงและมีทุนจากพรรคฟุนซินเปกและพรรคสม รังสี ถูกดูดไปลงการเมืองในนามพรรคประชาชนกัมพูชา ทำให้พรรคประชาชนกัมพูชามี ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้มากถึง 90 คน พรรคลำดับ 2 เป็นพรรคสม รังสี ที่ได้ ส.ส. 26 คน
การเลือกตั้งครั้งที่ 5 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2556 นายสมกลายเป็นความหวังเดียวของคนกัมพูชาที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่นายสมก็โดนฝ่ายรัฐกระทำซ้ำซากจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แถมยังเข้าประเทศไม่ได้ นายสมจึงต้องร่วมกับนายกึม ซกคา มาตั้งพรรคใหม่ด้วยกัน ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา
กษัตริย์นโรดม สีหมุนี โดยการถวายคำแนะนำของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน จึงพระราชทานอภัยโทษให้นายสมเมื่อ 12 กรกฎาคม 2556 อีก 7 วันต่อมาคือวันที่ 19 ก่อนการเลือกตั้งเพียง 9 วัน นายสมก็ได้เดินทางกลับเข้าประเทศ แต่ไม่สามารถร่วมการเลือกตั้งในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ กกต.กัมพูชาบอกว่า นายสมโดนศาลตัดสินจำคุก 11 ปี
นายสมไปร่วมเวทีหาเสียงที่สวนอิสรภาพในกรุงพนมเปญ และบอกกับประชาชนว่าตัวเองโดนตัดสิทธิ เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ จึงขอสนับสนุนนายกึมเป็นนายกฯ “ตั้งแต่นี้ต่อไป นายกึมจะเป็นคู่หูของข้าพเจ้าไปจนวันตาย”
รัฐบาลของสมเด็จฮุนเซนใช้สื่อในการหาเสียงครั้งนั้นอย่างเต็มที่ แต่ความนิยมก็สู้พรรคกู้ชาติกัมพูชาไม่ได้ ประชาชนสื่อสารกันปากต่อปาก ไม่ว่าจะเป็นในงานบุญหรือตามร้านค้า สภากาแฟต่างๆ เขียนอย่างให้เข้าใจง่ายนะครับ ว่าในการเลือกตั้งวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 ถ้าไม่โกง นายกึมน่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
การเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2-3 ประเทศมีลักษณะคล้ายๆกัน คือใช้ กกต.บ้าง ศาลบ้าง โยนความผิดให้คนที่ประชาชนชื่นชอบศรัทธา เพื่อให้พวกตนได้อำนาจบริหาร.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com