รัสเซียเผยผลวิจัยล่าสุดของวัคซีน สปุตนิก วี ของพวกเขา โดยพบว่าในการทดสอบเฟส 3 วัคซีนตัวนี้มีประสิทธิภาพต้านทานไวรัสโควิด-19 มากถึง 91.6%
สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานเมื่อวันอังคารที่ 2 ก.พ. 2564 ว่า ผลวิจัยซึ่งเผยแพร่ผ่านวารสารการแพทย์ระหว่างประเทศ ‘The Lancet’ ระบุว่า วัคซีน สปุตนิก วี ซึ่งพัฒนาโดยรัสเซีย มีประสิทธิภาพปกป้องคนจากการป่วยโรคโควิด-19 ได้ถึง 91.6% ในการทดสอบทางคลินิกเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย
วัคซีนสปุตนิก วี พัฒนาโดยสถาบัน ‘กามาเลยา’ ในกรุงมอสโก โดยผลการวิจัยล่าสุดเก็บข้อมูลจากอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดสอบจำนวน 19,866 คน ซึ่ง 25% ในจำนวนนี้ได้รับยาหลอก และนับตั้งแต่เริ่มการทดสอบเฟส 3 พวกเขาพบผู้แสดงอาการป่วยโควิด-19 จำนวน 16 รายในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีน และ 62 รายในกลุ่มผู้ได้รับยาหลอก
ผลวิจัยยังชี้ว่า การฉีดวัคซีน 2 โดส ห่างกัน 21 วัน ให้ประสิทธิภาพต้านการเกิดอาการป่วยมากถึง 91.6%
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ผลการวิจัยดังกล่าวซึ่งผ่านการตรวจสอบและได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว หมายความว่าโลกมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 1 ชนิด และเป็นการสร้างความชอมธรรมให้กับการตัดสินใจของรัสเซีย ที่เริ่มฉีดวัคซีนก่อนเผยแพร่ผลการทดสอบขั้นสุดท้ายออกมาได้ในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ รัสเซียอนุมัติใช้วัคซีน สปุตนิก วี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ก่อนจะเริ่มการทดสอบเป็นวงกว้างเสียอีก กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ท่ามกลางการตั้งคำถามจากต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในแนวหน้าได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ก่อนจะมีการกระจายวัคซีนเป็นวงกว้างในเดือนธันวาคมให้กับคนบางกลุ่ม เช่น ครู, เจ้าหน้าที่แพทย์ และนักข่าว จากนั้นจึงเริ่มฉีดให้ประชาชนทั่วไปในเดือนมกราคม.