กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหาร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี โดยอ้างเหตุผลว่า มีการโกงเลือกตั้ง และรัฐบาลของนางออง ซาน ซูจี พยายามยึดอำนาจอธิปไตยของรัฐสภา
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า กองทัพของประเทศเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. 2564 หลังจากดำเนินการควบคุมตัวนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) รวมถึง ประธานาธิบดีอู วิน มินต์ และแกนนำคนสำคัญของพรรคเอ็นแอลดีหลายคน อ้างเหตุผลเรื่องการโกงการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน
กองทัพเมียนมาเผยแพร่คลิปวิดีโอแถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ‘เมียวดี ทีวี’ (Myawaddy TV) ซึ่งกองทัพเป็นเจ้าของ ว่า ตอนนี้อำนาจบริหารประเทศถูกโอนให้กับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาว่า
“บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ที่ใช้ระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปแบบหลายพรรคซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน (พ.ศ.2563) ถูกพบว่ามีความคลาดเคลื่อนขนาดใหญ่ และคณะกรรมาธิการสหภาพการเลือกตั้ง (UEC) ล้มเหลวในการแก้ปัญหาดังกล่าว
“แม้ว่าอธิปไตยของชาติจะต้องมาจากประชาชน แต่มีการฉ้อโกงอย่างร้ายแรงในรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปอย่างเป็นประชาธิปไตย ซึ่งตรงกันข้ามกับการรับรองความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย การปฏิเสธที่จะแก้ปัญหาการโกงบัญชีรายชื่อดังกล่าว และความล้มเหลวในการลงมือปฏิบัติและทำตามคำขอให้เลื่อนการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภานั้น ไม่สอดคล้องกับมาตรา 417 ของรัฐธรรมนูญปี 2551 ว่าด้วย ‘พฤติการณ์หรือความพยายามที่จะยึดอธิปไตยของสภาด้วยการบีบบังคับอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจนำไปสู่การแตกแยกของความเป็นหนึ่งเดียวในชาติ’
...
“พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการประท้วงมากมายตามเขตชุมชนและเมืองต่างๆ ในเมียนมา เพื่อแสดงออกถึงความไม่เชื่อมั่นใน UEC นอกจากนี้ยังพบว่า พรรคการเมืองอื่นๆ และประชาชนแสดงความยั่วยุหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งการแสดงธงแบบต่างๆ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของชาติอย่างรุนแรง
“หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข จะเป็นอุปสรรคต่อเส้นทางการไปสู่ประชาธิปไตยและปัญหานี้ต้องได้รับการแก้ไขด้วยวิธีตามกฎหมาย ดังนั้นจึงมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามมาตราที่ 417 ของรัฐธรรมนูญปี 2551 และเพื่อที่จะตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งอย่างละเอียดกับใช้มาตรการต่างๆ อำนาจนิติบัญญัติ, การบริหาร และอำนาจศาลของประเทศ จะถูกส่งมอบให้แก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตามมาตราที่ 418 มาตราย่อย (a) ของรัฐธรรมนูญปี 2551
“คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินมีผลทั่วประเทศ และกำหนดระยะเวลาไว้ที่ 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ประกาศคำสั่งตามมาตราที่ 417 ของรัฐธรรมนูญปี 2551”
ทั้งนี้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เลือก พล.อ.มินต์ ส่วย รองประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีรักษาการ.