เมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ยังให้ความเห็นต่อกรณีวันรำลึกเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวสากล 27 ม.ค. ต่อไปว่า ปัญหาที่แท้จริงซึ่งพวกเราควรกังวล คือเรื่องการขาดความรู้ และผมกล้าที่จะพูดได้ว่าเป็นเรื่องของความอวิชชาและความไม่ใส่ใจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซี

กล่าวคือ การขาดความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์ เป็นแหล่งบ่มเพาะชั้นดีของแนวคิด การเหยียดเชื้อชาติ การเลือกปฏิบัติ และความเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้อีก ถึงแม้ว่ากระแสความเกลียดชังชาวยิวจะมีไม่มากนัก ในเอเชีย แต่เราได้เห็นเหตุการณ์ทุกปี นั่นคือการใช้สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับนาซีในบริบทต่างๆ ซึ่งรวมถึงในประเทศไทยด้วย ส่วนใหญ่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นเพียงเพราะขาดความรู้ความเข้าใจ

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากและท้าทายอย่างยิ่ง แต่ยาที่มีประสิทธิภาพในการต้านพิษของการเหยียดเชื้อชาติ ความเกลียดชังชาวยิว และการ เลือกปฏิบัติในทุกๆรูปแบบ คือ “การศึกษา” ทั้ง การศึกษาที่เป็นทางการและการเรียนรู้ด้วยตนเอง การศึกษาเป็นเครื่องมืออันทรงพลังอย่างยิ่ง ครอบครัว โรงเรียน และมหาวิทยาลัย มีบทบาทสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ในประวัติศาสตร์และ คุณค่าความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ สื่อออนไลน์ขนาดใหญ่ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นให้เกิดแนวคิดแบบสุดโต่ง

พวกเราชาวยิวจะต้องไม่ลืมโศกนาฏกรรมของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ไม่เพียงเพื่อการจดจำสมาชิกในครอบครัวที่ถูกสังหารอย่างโหดร้าย ในยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

...

จะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีที่แล้ว เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ทั่วโลกจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นแล้ว เราจึงต้องยืนหยัดร่วมกัน เพื่อปกป้องคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ต้องลงทุนทั้งเวลาและทรัพยากรอย่างเพียงพอ เพื่อเรียนรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อไปในอนาคต การศึกษาจึงเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะยับยั้งโรคร้าย นั่นคือโรคแห่งความเกลียดชัง ความเห็นต่าง และการรังเกียจชาวต่างชาตินั่นเอง.

ตุ๊ ปากเกร็ด