โจ ไบเดน เข้าพิธีสาบานตน รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากคว้าชัยชนะการเลือกตั้งเหนือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปลายปีก่อน
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า โจ ไบเดน กล่าวคำสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี คนที่ 46 ของสหรัฐฯ แล้ว เมื่อวันพุธที่ 20 ม.ค. 2564 ทำให้ชายวัย 77 ปี ซึ่งโลดแล่นในแวดวงการเมืองอเมริกันมานานเกือบ 50 ปีผู้นี้ กลายเป็นผู้นำที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
พิธีสาบานตนของนายไบเดน เริ่มขึ้นหลังจากมีการแนะนำ นางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดี กับนายดั๊ก เอมฮอฟฟ์ ที่โพเดียมบริเวณระเบียงด้านตะวันตกของอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งทั้งคู่ทักทายกับเจ้าหน้าที่ ก่อนนางเอมี โคลบะชาร์ สมาชิกวุฒิสภา จะเป็นผู้เริ่มกระบวนการของพิธีสาบานตน
...
นางโคลบะชาร์ ซึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตกับนายไบเดนและนางแฮร์ริส กล่าวต้อนรับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งกล่าวทักทายครอบครัวไบเดน “พิธีส่งมอบความเชื่อใจระหว่างผู้นำและประชาชนครั้งนี้ จัดขึ้นตรงหน้าอาคารรัฐสภาที่เปล่งประกายแห่งนี้อย่างมีเหตุมีผล” และเสริมด้วยว่า นี่เป็นสัญญาว่าความเป็นหนึ่งเดียวของสหรัฐฯ จะคงอยู่ต่อไป
จากนั้น เลดี้กาก้า ดารานักร้องชื่อดังชาวอเมริกัน ก็เริ่มขับร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ตามด้วยการอ่านบนสวดภาวนาของ หลวงพ่อ ลี โอโดโนแวน ผู้เป็นบาทหลวงที่อยู่คู่กับตระกูลไบเดนมานานหลายปี
ก่อนที่นางแฮร์ริส ในชุดสีม่วงซึ่งสื่อถึงความสามัคคีของชาวอเมริกัน จะกล่าวคำสาบานตนรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนที่ 49 ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ และทำให้เธอกลายเป็น สตรีคนผิวดำ และผู้มีเชื้อสายเอเชียใต้ คนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ได้รับตำแหน่งนี้
ในที่สุดก็ถึงคิวของนายไบเดน เขากล่าวคำสาบานตนต่อหน้าผู้พิพากษาศาลสูงสุด จอห์น โรเบิร์ตส์ และคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดียวกับที่ โบ ไบเดน ลูกชายผู้ล่วงลับ ใช้ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอัยการสูงสุดรัฐเดลาแวร์ เมื่อปี 2556 และหลังจากนายไบเดนให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติตามและปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา เขาก็กลายเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ