- โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2564 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
- โดนัลด์ ทรัมป์ ลั่นไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตน ทำให้ นายทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในรอบกว่า 150 ปี ของประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนต่อไป
- ทั่วโลกจับตาหวั่นเกิดความรุนแรงทางการเมือง เอฟบีไอ เตือนรัฐทั่วประเทศเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับพิธีสาบานตนของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของ นายโจ ไบเดน ที่จะเข้าพิธีจะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ในช่วงบ่ายของวันที่ 20 มกราคม 2563 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งการเปลี่ยนผ่านอำนาจในครั้งนี้เป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในหลากหลายแง่มุม
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้งานวันสาบานตนในปี พ.ศ 2564 นั้นแตกต่างจากประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านมาของสหรัฐฯ ในรอบกว่า 100 ปี คือการที่ นายทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันปัดที่จะเข้าร่วมงาน รวมไปถึงการลดขนาดของงานลง และใช้วิธีถ่ายทอดสดแทน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ผู้เข้าร่วมงานจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ภายใต้การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดหลังหลายฝ่ายกังวลเหตุจลาจล
...
พิธีสาบานตนในปีนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “American United” หรือความเป็นหนึ่งเดียวของชาวอเมริกัน เพื่อเป็นการยกย่องฮีโร่ในปีนี้ นั่นก็คือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แนวหน้า ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวอเมริกันในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งในงานวันสาบานตนของไบเดน จะมีการเรียงร้อยและถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ของกลุ่มคนที่น่ายกย่องให้เป็นส่วนหนึ่งในงานวันสาบานตนของนายไบเดน
หลายฝ่ายจับตางานในปีนี้เป็นพิเศษ ว่าการจัดงานภายใต้มาตรการควบคุมโรคระบาด และความเข้มงวดเพื่อเตรียมรับมือกับการก่อจลาจล จะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่
วันสาบานตน มีความสำคัญอย่างไรต่อสหรัฐฯ
ถึงแม้ว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอเมริกาที่จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ 2563 ที่ผ่านมา แต่ นายไบเดน ยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ระบุว่า วาระของประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีจะหมดวาระในช่วงบ่ายของวันที่ 20 เดือนมกราคม นั่นหมายความว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน และนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี จะหมดวาระในช่วงบ่ายของวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับการขึ้นสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ของนายไบเดน เมื่อเสร็จสิ้นพิธี นายไบเดนจะย้ายเข้าไปอาศัยในทำเนียบขาวในวันเดียวกัน
เมื่อย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้วันสาบานตนของประธานาธิบดีนั้น เคยถูกกำหนดให้เป็นวันที่ 4 มีนาคม แต่ระยะเวลาระหว่างวันเลือกตั้งและวันสาบานตน ถูกปรับเปลี่ยนให้สั้นลง 2 เดือน ในปี ค.ศ 1933
ซึ่งระยะห่างระหว่างวันสาบานตนและวันเลือกตั้ง มีไว้เพื่อให้ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งได้มีเวลาจัดสรรภาระหน้าที่ของตนให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมีการถ่ายโอนข้อมูลความมั่นคงและการบริหารงานแก่ประธานาธิบดีคนต่อไป
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกราย จำเป็นต้องเข้าพิธีสาบานตนก่อนที่จะขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการระบาดของโรคโควิด-19 แต่สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าจัดพิธีสาบานตนตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยงานพิธีสาบานตนของนายไบเดน จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่รัฐสภาสหรัฐฯ
หลังจากนั้นจะมีการเดินขบวนพาเหรดในช่วง 14.00 น. ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และพื้นที่ใกล้เคียง ด้าน สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ ได้ออกเตือนให้รัฐทั่วสหรัฐฯ เฝ้าระวังเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง หลังจากเกิดเหตุผู้สนับสนุนนายทรัมป์ บุกรัฐสภาสหรัฐฯไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวอชิงตัน ดี.ซี ไปจนถึงวันที่ 21 มกราคม และมีการระดมกำลัง กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ จำนวน 15,000 นาย เพื่อรักษาความปลอดภัย
...
ใครมาบ้าง? ‘ทรัมป์’ มารึเปล่า
นายทรัมป์ ได้ประกาศชัดผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมาว่า ตนเองจะไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของนายไบเดนแน่นอน ทำให้ นายทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในรอบกว่า 150 ปี ของประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนต่อไป
สวนทางกับ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ที่ระบุว่าจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ นายโจ ไบเดน เพื่อแสดงให้ความเป็นหนึ่งเดียว
...
เช่นเดียวกับ นายบารัค โอบามา และ นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้
ไล่เรียงพิธีวันสาบานตนที่ทั่วโลกจับตา
พิธีสาบานตนจะเริ่มจากขบวนแห่ที่จะเดินทางจากทำเนียบขาว ไปยังรัฐสภาสหรัฐฯ หลังจากนั้น นางคามาลา แฮร์ริส จะขึ้นสาบานตนเป็นรองประธานาธิบดีของสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้เธอกลายเป็นรองประธานาธิบดีหญิงผิวสีเชื้อสายอินเดียคนแรกของประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
ต่อมา นายไบเดน จะขึ้นสาบานตนเพื่อเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมกับกล่าวคำปฏิญาณ บริเวณเวสต์ฟรอนต์ ของรัฐสภาสหรัฐฯ
ถัดมา เลดี้กาก้า ดารานักร้องชื่อดังชาวอเมริกัน จะเป็นผู้ขึ้นร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ในพิธีครั้งนี้ ตามด้วยการอ่านบทกวี และการแสดงจากศิลปินต่างๆ เช่น เจนนิเฟอร์ โลเปซ เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น ผู้ร่วมงานจะเดินทางไปขอพรในโบสถ์
ต่อจากนั้น ประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีจะเข้าร่วมพิธีลงนาม ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติงานทางการครั้งแรกของผู้เข้ารับตำแหน่ง และจะมีการดื่มเพื่ออวยพรให้แก่ผู้เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1897
...
หลังจากนั้น ไบเดน และ แฮร์ริส จะไปชมขบวนพาเหรดจากกลุ่มทหาร ประชาชน และวงโยธวาทิต บริเวณอีสต์ฟรอนต์ ของรัฐสภาสหรัฐฯ
ส่วนในช่วงค่ำจะมีพิธีปล่อยลูกบอล จากศิลปินนักแสดงชื่อดังอย่าง ทอม แฮงค์, บอน โจวี รวมไปถึง จัสติน ทิมเบอร์เลก ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดให้ชมทางออนไลน์.
ที่มา: The Guardian, Express, BBC
ผู้เขียน: ปานฝัน