รู้กันดีว่ามีทฤษฎีเป็นที่ยอมรับเกี่ยวกับสาเหตุหลักในการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อประมาณ 66 ล้านปีก่อน ก็คือผลกระทบจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก แต่กลไกที่เชื่อมโยงผลกับผลกระทบจากอุกกาบาตและการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากรวมถึงไดโนเสาร์ ก็ยังคงไม่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศจะมีส่วนร่วมกับหายนะครั้งนั้น

แต่ถึงแม้จะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่นอนของการสูญพันธุ์ของสัตว์ใหญ่ดึกดำบรรพ์ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังพยายามศึกษาเพื่อทำความเข้าใจว่าการสูญพันธุ์จำนวนมากและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างไร เมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ในแคนาดา ดูจะได้คำตอบมาแล้วจากการวิเคราะห์ซากพืชของช่วงเวลานั้นด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซากพืชดังกล่าวพบในตะกอนของแม่น้ำทางตอนใต้ของรัฐซัสแคตเชวัน ในแคนาดา ซึ่งชี้ว่าในพื้นที่แห่งนี้ ชุมชนพืชและระบบนิเวศในท้องถิ่นมีการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวไปสู่พืชน้ำน้อยลง และมีการเพิ่มขึ้นของพืชบกรวมถึงต้นไม้ เช่น ต้นเบิร์ชและต้นเอล์ม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของพืชพรรณป่าไม้เกิดจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ที่กินพืช

นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบโดยไม่คาดคิด ว่าการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบปริมาณน้ำฝนในช่วงเหตุการณ์การสูญพันธุ์ในอดีตค่อนข้างน้อยและมีอายุสั้น สิ่งนี้อาจมีความสำคัญต่อการมองภาวะโลกร้อนในอนาคต นักวิทยาศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝนอาจส่งผลกระทบต่อมนุษย์และระบบนิเวศอย่างมาก.

Credit : McGill University